ทำความรู้จัก Deepfake เทคโนโลยีสร้างภาพบุคคล ที่กลายเป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์ พร้อมวิธีสังเกตและป้องกัน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ Google ได้แบนอัลกอริธึม Deepfake (ดีฟเฟค)จาก Google Colaboratory ซึ่งเป็นบริการคอมพิวติ้งฟรีพร้อมการเข้าถึง GPU ซึ่ง Google ไม่ได้เป็นเจ้าเดียวที่ควบคุม ดีฟเฟค รัฐต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ก็มีกฎหมายควบคุม
ขณะที่ประเทศจีนได้ร่างกฎหมาย กำหนดให้มีการระบุสื่อที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ และกฎระเบียบ AI ของสหภาพยุโรปหรือ EU ในอนาคต อาจรวมเนื้อหาเกี่ยวกับเทคโนโลยีเฉพาะนี้ด้วย
ผู้เชี่ยวชาญของ แคสเปอร์สกี้ ได้อธิบายว่าDdeepfake (ดีฟเฟค) โดยทั่วไปหมายถึง สื่อสังเคราะห์ประเภทต่าง ๆ ที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้คนและสร้างขึ้นด้วยโครงข่ายประสาทเทียมระดับลึก
ดีฟเฟค อาจเป็นวิดีโอ ภาพถ่าย หรือการบันทึกเสียง การใช้การเรียนรู้เชิงลึกแทนเทคนิคการตัดต่อภาพแบบดั้งเดิม ได้ช่วยลดความพยายามและทักษะที่จำเป็นอย่างมาก ในการสร้างภาพปลอมที่น่าเชื่อถือได้
ในช่วงแรก คำว่า ดีฟเฟค นี้หมายถึงซอฟต์แวร์ชิ้นหนึ่งซึ่งได้รับความนิยมใน Reddit ซอฟต์แวร์นี้สามารถฝังใบหน้าของบุคคลลงในวิดีโอที่มีบุคคลอื่น และเกือบทั้งหมดถูกใช้เพื่อสร้างภาพอนาจารที่ไม่ได้รับความยินยอมจากเหล่าคนดัง
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ดีฟเฟค จำนวนมากถึง 96% เป็นภาพลามกอนาจาร จึงยิ่งเน้นย้ำถึงข้อกังวลว่า ดีฟเฟค จะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด การขู่กรรโชก และสร้างความอับอายในที่สาธารณะ
เทคโนโลยี ดีฟเฟค เอื้อประโยชน์แก่อาชญากรไซเบอร์ได้เช่นกัน อย่างน้อยในกรณีที่เกิดขึ้นที่อังกฤษและฮ่องกง มีการใช้เสียงดีฟเฟค เพื่อหลอกบริษัทต่าง ๆ ให้โอนเงินไปยังผู้ฉ้อโกง โดยปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่เกี่ยวข้อง
จากการวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่า อัลกอริธึมการตรวจจับความมีชีวิตเชิงพาณิชย์ ที่ใช้โดยสถาบันการเงินในขั้นตอน KYC อาจถูกหลอกลวงโดยดีฟเฟค ที่สร้างขึ้นจากภาพถ่าย ID สร้างเวกเตอร์การโจมตีใหม่และทำให้ ID ที่รั่วไหลกลายเป็นปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น
อีกปัญหาหนึ่งคือ ดีฟเฟค ได้ทำลายความไว้วางใจในเนื้อหาเสียงและวิดีโอ เนื่องจากสามารถนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ชั่วร้ายได้
ตัวอย่างเช่น ในกรณีล่าสุด การสัมภาษณ์ปลอม ๆ ของ Elon Musk ถูกใช้เพื่อส่งเสริมการหลอกลวงสกุลเงินดิจิทัล ผู้เชี่ยวชาญและสถาบันต่าง ๆ เช่น Europol ได้เตือนว่า การมีอยู่ที่เพิ่มขึ้นของ ดีฟเฟค สามารถนำไปสู่การแพร่ขยายข้อมูลที่บิดเบือนบนอินเทอร์เน็ต
ด้วยประเด็นความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับ ดีฟเฟค ผู้ใช้จึงสงสัยว่าจะสามารถตรวจจับ ดีฟเฟค ได้อย่างไร แคสเปอร์สกี้ขอแนะนำเคล็ดลับบางประการในการเริ่มต้น ดังต่อไปนี้
- ดีฟเฟค ที่ดูน่าเชื่อถืออย่างเช่นกรณีของ Tom Cruise จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญและความพยายามอย่างมาก และบางครั้งแม้แต่นักเลียนแบบมืออาชีพก็แยกไม่ออก
ทั้งนี้ ดีฟเฟค ที่ใช้สำหรับการหลอกลวงมักมีคุณภาพต่ำ และสามารถเห็นได้โดยการสังเกตการเคลื่อนไหวของริมฝีปากที่ผิดธรรมชาติ ผมที่แสดงผลได้ไม่ดี รูปร่างใบหน้าที่ไม่ตรงกัน กะพริบตาเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย สีผิวไม่ตรงกัน และอื่นๆ
นอกจากนี้ข้อผิดพลาดในการแสดงเสื้อผ้าหรือมือที่เคลื่อนผ่านใบหน้า สามารถให้จับสังเกต ดีฟเฟค มือสมัครเล่นได้
- หากพบเห็นบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือบุคคลสาธารณะออกมาพูดอย่างไม่เหมาะสม หรือยื่นข้อเสนอที่ดีเกินจริง แม้ว่าวิดีโอนั้นจะน่าเชื่อถือ แนะนำให้ดำเนินการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ และตรวจสอบข้อมูลกับแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
ทั้งนี้ ผู้ฉ้อโกงสามารถเข้ารหัสวิดีโอเพื่อซ่อนข้อบกพร่องของ ดีฟเฟค ได้ ดังนั้น กลยุทธ์ที่ดีที่สุดไม่ใช่การดูวิดีโอเพื่อค้นหาเบาะแส แต่ใช้สามัญสำนึก และทักษะ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมด้วย
- โซลูชันการรักษาความปลอดภัยที่เชื่อถือได้สามารถช่วยได้ กรณีที่ผู้ใช้ถูก ดีฟเฟค คุณภาพสูงโน้มน้าวให้ดาวน์โหลดไฟล์หรือโปรแกรมที่เป็นอันตราย หรือเยี่ยมชมลิงก์ที่น่าสงสัยหรือเว็บไซต์ฟิชชิ่ง
- กรณีตกเป็นเหยื่อของ deepfake porn สามารถติดต่อเว็บไซต์นั้น เพื่อขอให้ลบวิดีโอ (เว็บไซต์หลายแห่งห้ามไม่ให้โพสต์ดีฟเฟค) และติดต่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากการสร้าง ดีฟเฟค เป็นความผิดทางอาญา
นายวลาดิสลาฟ ทุชคานอฟ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ข้อมูล แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า ดีฟเฟคเป็นตัวอย่างสำคัญของเทคโนโลยี ที่พัฒนาได้เร็วกว่าที่ผู้ใช้จะเข้าใจ และสามารถจัดการความยุ่งยากได้
ด้วยเหตุนี้ ดีฟเฟค จึงถูกมองว่าเป็นชุดเครื่องมือที่ใช้บิดเบือนข้อมูล เป็นความท้าทายสิ่งที่สังคมคิดว่าสามารถไว้วางใจได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- #ใช้สติป้องกันสตางค์ ‘กสิกรไทย’ ย้ำ ระวัง! มิจฉาชีพหลอกโอนเงินจากแอป สูญเงินเกลี้ยง แถมหนี้เพิ่ม
- ป้องกันด่วน!!มิจฉาชีพ แฮกเฟซบุ๊ก ใช้บัญชีไลน์ หลอกยืมเงินเพื่อน
- กลุ่มแฮกเกอร์ดัง ลั่น เจาะข้อมูล ‘แบงก์ชาติรัสเซีย’ ได้แล้ว เตรียมปล่อย ‘เอกสารลับ’ ใน 48 ชั่วโมง