Technology

บอกลา ‘ขยะดิจิทัลสะสม’ 6 ข้อควรทำเพื่อความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์

แคสเปอร์สกี้ ชวนสะสาง “ขยะดิจิทัลสะสม” เพื่อปกป้องข้อมูล เพิ่มความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ ด้วย 6 ข้อควรทำต่อไปนี้

ขยะดิจิทัลสะสม (Digital clutter) คือ ของเหลือที่เป็นผลพลอยได้จากยุคดิจิทัล เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้งานดีไวซ์ได้สร้างเอกสารและไฟล์ดิจิทัลในปริมาณมหาศาล ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตติดตั้งแอปฯจำนวนมากกว่าที่ใช้งานจริง ไม่ค่อยได้อัปเดตแอปฯ และมักจะไม่ปรับการตั้งค่าความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของแอปฯอย่างถูกต้อง

ขยะดิจิทัลสะสม

ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ใช้จะไม่กังวลเรื่องขีดจำกัดพื้นที่เก็บข้อมูล เฉยเมยเรื่องการตรวจสอบไฟล์และการอัปเดตแอปฯ ตัวอย่างเช่น โดยทั่วไปผู้ใช้จะติดตั้งแอปแอนดรอยด์ใหม่จำนวน 12 แอปทุกเดือน แต่ลบออกเพียง 10 แอป

ดังนั้นจึงกลายเป็นการเพิ่มแอป 2 แอปในดีไวซ์ของตนทุกเดือน ซึ่งมักจะไม่ได้ใช้งาน ซึ่งหมายความว่าขยะดิจิทัลจะสะสมอยู่ในดีไวซ์หรือในระบบคลาวด์ตลอดไป ซึ่งเราเรียกว่า ขยะดิจิทัลสะสม

การดูแลเนื้อหาในดีไวซ์ไม่ดียังก่อให้เกิดขยะดิจิทัลสะสมอีกด้วย ข้อมูลของแคสเปอร์สกี้แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้ 55% จะแก้ไขเนื้อหาในดีไวซ์ของตน ลบเอกสารและแอปที่ไม่ได้ใช้เป็นประจำ ขณะที่ผู้ใช้ 32% จะจัดการขยะดิจิทัลเป็นครั้งคราว และผู้ใช้ 13% ไม่พยายามลบเอกสารและแอปใดๆ เลยด้วยซ้ำ

รายงานของแคสเปอร์สกี้ระบุว่า ข้อมูลห้าอันดับแรกที่ผู้ใช้โดยทั่วไปจะจัดเก็บไว้ในดีไวซ์ ได้แก่ ภาพถ่ายและวิดีโอทั่วไป (90%) ภาพถ่ายและวิดีโอการเดินทางและอีเมลส่วนตัว (เท่ากันที่ 89%) ข้อมูลที่อยู่ / ข้อมูลติดต่อ (84%) และข้อความส่วนตัวทาง SMS/IM (79%)

data stored on devices

นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า เมื่อพูดถึงเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ การศึกษาถือเป็นรูปแบบการป้องกันที่ทรงพลังที่สุด ยิ่งเราให้ความรู้และเตรียมตัวมากเท่าใด เราก็สามารถลดความเสี่ยงต่อข้อมูลส่วนบุคคลและเงินของเราได้มากขึ้นเช่นกัน

แนะเคล็ดลับ 6 วิธี เพื่อความปลอดภัยในโลกดิจิทัล

แคสเปอร์สกี้แนะนำให้ปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งข้อ เพื่อให้ปลอดภัยในโลกดิจิทัลในปีใหม่นี้

1. บอกลารหัสผ่าน

เราเห็นการปรับปรุงที่สำคัญอย่างหนึ่งในการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายในปี 2565 นั่นคือ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Google และ Microsoft เปิดตัวการลงชื่อเข้าใช้แบบไร้รหัสผ่าน (passwordless sign-ins) แทนการใช้รหัสผ่าน ดีไวซ์ของคุณจะจัดเก็บคีย์การเข้ารหัสที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละเว็บไซต์ ไม่จำเป็นต้องพิมพ์รหัสลงไปและทำให้ถูกขโมยยากมาก

ทั้งนี้ ขอแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีนี้ในทุกที่ที่มีให้บริการ เนื่องจากจะช่วยลดความเสี่ยงที่บัญชีจะถูกบุกรุก นอกจากนี้ยังสะดวก เพราะไม่จำเป็นต้องคิด จดจำ และป้อนรหัสผ่านอีกต่อไปในภายหลัง เบราว์เซอร์ Chrome, Edge และ Safari ก็รองรับเทคโนโลยีนี้ทั้งบนแพลตฟอร์มเดสก์ท็อปและมือถือ

2. ใช้แล้วทิ้ง

การรั่วไหลของข้อมูล ยังคงเป็นหนึ่งในความเสี่ยงทางดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเราทุกคน ข้อมูลผู้ใช้ถูกขโมยจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต บริษัทประกันภัย บริการจัดส่ง โซเชียลเน็ตเวิร์ก และแม้แต่ฐานข้อมูลของโรงเรียน ข้อมูลที่ถูกขโมยจะถูกนำมาใช้เพื่อกระทำการหลอกลวงต่าง ๆ

Yeo Siang Tiong 04
เซียง เทียง โยว

น่าเสียดายที่แท้จริงแล้ว ผู้ใช้สามารถทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อป้องกันการรั่วไหลได้ แต่ก็มั่นใจได้ว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับเราน้อย และทำให้จับคู่ได้ยาก กล่าวคือ การเปรียบเทียบชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ในฐานข้อมูลที่ถูกขโมยสองฐานข้อมูล จะไม่ทำให้ผู้โจมตีได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรามากขึ้น

แคสเปอร์สกี้ ขอแนะนำให้ผู้ใช้ให้ข้อมูลน้อยที่สุดแก่บริการที่ไม่สำคัญ (โดยเฉพาะร้านค้าออนไลน์และบริการดิจิทัลเชิงพาณิชย์) โดยไม่ระบุนามสกุลหรือบัญชีโซเชียลมีเดียของคุณ โดยทั่วไปแล้วให้ข้ามช่องที่ไม่บังคับ และใช้อีเมลแอดเดรสและหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้แล้วทิ้งเป็นข้อมูลติดต่อ

ปัจจุบัน บริการจำนวนมากมีหมายเลขโทรศัพท์ชั่วคราวสำหรับรับข้อความยืนยัน เช่นเดียวกับที่อยู่อีเมลแบบใช้ครั้งเดียว เพียงแค่ลองค้นกูเกิ้ลว่า หมายเลขโทรศัพท์ / อีเมลแอดเดรสแบบที่ใช้แล้วทิ้ง บริการชำระเงินบางประเภทอาจมีหมายเลขบัตรเครดิตแบบใช้แล้วทิ้ง ซึ่งทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์ปลอดภัยยิ่งขึ้น

3. หลีกหนีจากโซเชียลมีเดียที่เป็นพิษ (toxic)

ปีแล้วปีเล่า เราเผชิญกับเหตุการณ์เชิงลบมากเกินไป บวกกับคลื่นแห่งความเกลียดชังบนโซเชียลมีเดียยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หากโซเชียลมีเดียทำให้คุณรู้สึกกระวนกระวายใจในปีก่อน ปีใหม่นี้ก็ถึงเวลาที่จะลด ละ เลิกเพื่อสิ่งที่ดี

แคสเปอร์สกี้ได้รวบรวมเคล็ดลับในการเลิกใช้งานโซเชียลมีเดียโดยไม่สูญเสียข้อมูลอันมีค่า สำหรับผู้ใช้บางคนที่ไม่ต้องการเลิก แต่ต้องการย้ายไปยังแอป Telegram หรือ Mastodon แทน

digital clutter

4. หยุดไถฟีดเลื่อนดูความหายนะ

ผู้ใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์และเว็บไซต์ข่าวอาจใช้เวลาหลายชั่วโมงและใช้พลังงานไปกับความวิตกกังวลอย่างมาก ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับข่าวสารและโพสต์อย่างไม่สิ้นสุด ให้กำหนดเวลาบนโทรศัพท์ของคุณสำหรับเครือข่ายโซเชียลและแอปข่าว เริ่มต้นด้วยหนึ่งชั่วโมงต่อวัน และพยายามทำต่อไป

นอกจากนี้ ผู้จำหน่ายหลายรายเสนอคุณสมบัตินี้ เช่น Apple มีฟีเจอร์ Screen Time สำหรับ Google ก็มี Digital Wellbeing และ Huawei เรียกว่า Digital Balance แม้แต่ YouTube ก็มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Take a Break

5. แยกชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานออกจากกัน

การแยกงานและชีวิตส่วนตัวเป็นสิ่งที่ดีด้วยเหตุผลหลายประการ ช่วยทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพราะงานจะไม่รบกวนเวลาของครอบครัวและเพื่อนฝูง และเรื่องในบ้านก็จะไม่รบกวนคุณในช่วงเวลาทำงาน อีกทั้งนายจ้างของคุณก็ได้รับการปรับปรุงความปลอดภัยทางไซเบอร์ เนื่องจากพนักงานไม่ผสมผสานข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลงาน แอป และอื่น ๆ

ตามหลักการแล้ว การแยกกันควรเป็นแบบทางกายภาพ ซึ่งหมายความว่าควรใช้โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกันสำหรับการทำงานและชีวิตส่วนตัว สิ่งเดียวที่ต้องจำไว้คืออย่าใช้เว็บไซต์ส่วนตัว อีเมล และโซเชียลเน็ตเวิร์กบนดีไวซ์ที่ทำงาน และในทางกลับกัน อย่าใช้เว็บไซต์และอีเมลงานบนดีไวซ์ส่วนตัว

6. สังเกตสุขอนามัยทางไซเบอร์

ใช้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ทุกเครื่อง ใช้รหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละเว็บไซต์ อัปเดตแอปและระบบปฏิบัติการทั้งหมดเป็นประจำ โดยคุณสามารถหลีกเลี่ยงความยุ่งยากทั้งหมดได้ด้วยการใช้โซลูชันที่ครอบคลุมอย่าง Kaspersky Premium เพื่อดูแลกิจวัตรทั้งหมด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo