ประโยชน์ของสมุนไพรที่ช่วยรักษา “โรคไขมันพอกตับ”
“โรคไขมันพอกตับ” โรคฮิตที่พบมากขึ้นในปัจจุบัน ที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะผู้ที่ดื่มสุราหนักเป็นประจำเท่านั้น แต่ยังพบมากในผู้ป่วยโรคอ้วนและเบาหวาน และโรคนี้จะไม่ค่อยแสดงอาการใด ๆ ในระยะแรก กว่าจะรู้ตัวอีกทีอาจถึงระยะอันตรายแล้ว ดังนั้นเราไม่ควรมองข้ามการดูแลสุขภาพร่างกาย และวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับการลดไขมันในตับด้วยการใช้สมุนไพร แต่มีพืชผักสมุนไพรชนิดใดบ้างไปรู้จักพร้อม ๆ กันเลย
เลือกใช้สมุนไพรอย่างไรให้ปลอดภัยและถูกวิธี?
เมื่อพูดถึงสมุนไพรคนส่วนมากอาจนึกถึงสมุนไพรที่เป็นพืชที่มาจากต้นไม้หรือธรรมชาติเท่านั้น ความจริงแล้ว ยาสมุนไพรไม่ได้มีเพียงพืช ผัก ผลไม้ แต่รวมไปถึงยาที่ได้จากส่วนของแร่ สัตว์ และจุลินทรีย์ที่ยังไม่ถูกแปรสภาพ ปรุง หรือผสม และถึงแม้ว่าสมุนไพรเหล่านี้มาจากธรรมชาติและปลอดภัย หากนำไปใช้ไม่ถูกวิธีหรือมากเกินกว่าปริมาณที่ควรได้รับ อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ ดังนั้นการศึกษาก่อนเลือกใช้สมุนไพรจึงมีความสำคัญอย่างมาก
รู้ไว้ไม่เสียหาย 5 วิธีเลือกใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง!
การเลือกใช้สมุนไพรเพื่อป้องกันและรักษาโรค ควรมีความเข้าใจอย่างถูกต้องก่อนใช้ยา เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย และวันนี้เรามาแชร์ หลัก 5 ถูก ของสมาคมเภสัชและอายุรเวชโบราณแห่งประเทศไทย ดังนี้
- ใช้ถูกต้น สมุนไพรส่วนมากมีซื้อที่คล้ายและซ้ำกันหลากหลายชนิด และในแต่ละท้องถิ่นอาจเรียกชื่อสมุนไพรชนิดเดียวกันแตกต่างกัน หรือชื่อเหมือนกันแต่เป็นสมุนไพรคนละชนิด ดังนั้นควรเลือกให้ถูกต้นโดยใช้ชื่อพฤกษศาสตร์ของพืชเรียกแทน เพื่อลดความสับสนของพืชแต่ละชนิด
- ใช้ถูกขนาด ถึงแม้ว่าสมุนไพรจะช่วยให้ประโยชน์ แต่หากใช้ในขนาด หรือปริมาณที่มากเกินกว่ากำหนดอาจเกิดอันตายต่อร่างกายหรือการรักษา และอย่างที่หลายคนกล่าวไว้ว่า หากใช้น้อยไปอาจไม่ได้ผล หากใช้มากไปก็อาจเกิดอันตรายได้ และหากจำเป็นต้องใช้สมุนไพรรักษาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ควรได้คำปรึกษาจากแพทย์เพื่อความปลอดภัยด้วย
- ใช้ถูกส่วน การเลือกใช้สมุนไพรแต่ละส่วนไม่ว่าจะเป็น ราก ดอก ผล เปลือก หรือเมล็ด ความสุก แก่ อ่อน ของสมุนไพร จะให้ผลที่เหมือนและฤทธิ์แตกต่างกัน ยกตัวอย่างพืชบางชนิดบางส่วนใช้เป็นยารักษา บางส่วนมีสรรพคุณเป็นพิษ ก่อนเลือกใช้สมุนไพรจึงควรศึกษามาอย่างดี
- ใช้ถูกวิธี การนำสมุนไพรมาใช้เป็นยาหรือนำมาปรุงประกอบยาควรใช้ให้ถูกต้องตามหลัก เช่น บางชนิดต้องใช้ต้นสด ต้มกับน้ำ ผสมกับเหล้า หรือปั่นละเอียด ควรระมัดระวังในการใช้สมุนไพร เพราะสารเคมีที่อยู่ในพืชแต่ละชนิดแตกต่างกัน หากใช้ผิดวิธีอาจได้รับผลลัพธ์ที่แตกต่างหรือไม่เกิดผลในการรักษา
- ใช้ถูกโรค เช่น มีอาการท้องผูก ก็ควรใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยระบาย หากใช้สมุนไพรที่มีรสฝาด จะยิ่งส่งผลให้ท้องผูกมากขึ้นทำให้อาการแย่กว่าเดิม
เผย 5 สมุนไพร ช่วยลดและรักษาโรคไขมันพอกตับ!
โรคภัยเรื่องใกล้ตัวที่ควรใส่ใจ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะไขมันพอกตับ ที่อาจเจอภาวะไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากเป็นภัยเงียบที่ไม่ค่อยแสดงอาการ ดังนั้นเราจึงควรดูแลรักษาสุขภาพเพื่อหลีกเลี่ยงและป้องกันไม่ให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น โดยทางเลือกหนึ่งในการลดไขมันพอกตับได้คือการเลือกใช้สมุนไพร ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงและช่วยฟื้นฟูตับ จะมีสมุนไพรชนิดไหนบ้างไปรู้จักพร้อมกันเลย
- กระเทียม สมุนไพรพื้นบ้านที่คุ้นเคยและหาได้ง่ายมาก กระเทียมมีสรรพคุณช่วยลดไขมันได้เป็นอย่างดี เพราะในกระเทียมมีสารที่ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังสามารถช่วยต้านอนุมูลอิระ ลดค่าเอมไซม์ตับและกระตุ้นให้ตับผลิตเอนไซม์เพื่อขับสารพิษออกไปจากร่างกาย จึงสามารถช่วยลดการเกิดไขมันพอกตับได้
- ขมิ้นชัน ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่สามารถช่วยลดไขมันในเลือดที่จะนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยป้องกัน ขับสารพิษ และช่วยบำรุงฟื้นฟูตับได้อีกด้วยโดยมีผลการวิจัยพบว่าเมื่อให้ผู้ป่วยกินสารสกัดเคอร์คูมินจากขมิ้นชัน ผลปรากฏว่าไขมันสะสมในตับลดลงถึง 78.9 % ขมิ้นชั้นจึงเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่ไม่ควรมองข้าม
- มะเขือม่วง นอกจากจะเป็นผักสีสันสวยงามแล้ว มันเขือม่วงยังเป็นผักที่มีไฟเบอร์สูง ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดและมีสารแอนไธไซยานิน ที่มีส่วนช่วยลดความดันโลหิตและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด อีกทั้งช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ลดการอักเสบและช่วยให้เลือดไหลเวียนไปยังสมองได้ดี มะเขือม่วงยังมีสรรพคุณอีกมาก ทานมะเขือม่วงไม่ต้องห่วงเรื่องสุขภาพ
- เห็ดหอม ทราบหรือไม่ว่าเห็ดหอมและเห็ดอีกหลายชนิดมีกลูตาไธโอน ที่เป็นสารช่วยต้านอนุมูลอิสระและช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรังและไขมันในเลือดสูง ทราบถึงประโยชน์ของห็ดหอมกันแล้วอย่าลืมไปรับประทานเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีด้วยนะ
- รางจืด เป็นสมุนไพรที่ถูกเรียกว่ามากสรรพคุณสุด ๆ และมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคไขมันพอกตับ เพราะรางจืดมีสรรพคุณลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต และป้องกันการเกิดไขมันอุดตันเส้นเลือด แต่มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรรับประทานติดต่อกันระยะยาวเพราะอาจส่งผลต่อไตและรับเลือดได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยตนเอง ลดหวาน ลดเค็ม รักษาความดันโลหิต
- ‘โรคอ้วน’ กับ ‘โรคตับเเข็ง’ ต่างกันหรือไม่ ต่างกันอย่างไร?
- เช็ก 8 ความเสี่ยงที่ผู้สูงอายุควรรู้!
