Economics

เงินเฟ้อเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น 5.28% หลังราคาพลังงานพุ่ง-ราคาอาหารขยับ!

“กระทรวงพาณิชย์” เผยอัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ปรับขึ้น 5.28% หลังราคาพลังงานตลาดโลกสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ขยับ ยัน! ภาครัฐจะดูแลค่าครองชีพทุกด้านไม่ให้สูงขึ้น

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เท่ากับ 104.10 (ปี 2562 = 100) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน หรือ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น 5.28% (YoY) สาเหตุหลักยังคงมาจากสินค้าในกลุ่มพลังงาน รวมถึงสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและราคาวัตถุดิบ

เงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์

นอกจากนี้ ฐานราคาในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ต่ำสุดในรอบปี 2564 ซึ่งส่งผลให้การคำนวณอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้สูงขึ้นด้วย สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก) สูงขึ้น 1.80% (YoY) จาก 0.52% ในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคาผู้บริโภค เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าสูงขึ้นเพียง 1.06% (MoM) เนื่องจากราคาเนื้อสุกร ผักสด และผลไม้ลดลง

อย่างไรก็ตาม โดยอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น 5.28% มีสาเหตุจากสินค้าในกลุ่มพลังงาน ที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเงินเฟ้อ โดยราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2564 สูงขึ้น 29.22% จาก 19.22% โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และค่ากระแสไฟฟ้า ปรับสูงขึ้นค่อนข้างมาก รวมถึง ราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2564 สูงขึ้น 4.51% จาก 2.39% ในเดือนก่อนหน้า อาทิ เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ผักสด อาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน และเครื่องประกอบอาหาร

เงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์

ซึ่งปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตและราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น นอกจากนี้ จากการที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น 5.28% (YoY) และยังมีสาเหตุจากฐานราคาในเดือนเดียวกันของปีก่อนต่ำสุดในรอบปี 2564 อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาปรับลดลง ทั้ง ข้าวสารเหนียว ข้าวสารเจ้า ผลไม้สด เสื้อผ้า ค่าเช่าบ้าน และค่าเล่าเรียน จากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาปัญหาราคาสินค้าแพงในช่วงระยะเวลานี้ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2565 สูงขึ้น 1.06% (MoM) เป็นการสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวจาก 1.13% ในเดือนก่อนหน้า ตามการลดลงของเนื้อสุกร ผักสด และผลไม้ รวมทั้ง การสูงขึ้นในอัตราที่น้อยลงของไก่สด ไข่ไก่ และน้ำมันเชื้อเพลิง จากมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ และการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเป็นสำคัญ และเฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค.- ก.พ.) 2565 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้น 4.25% (AoA)

เงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์

ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนกุมภาพันธ์ 2565 สูงขึ้น 9.4% (YoY) จาก 8.7% ในเดือนก่อนหน้า จากต้นทุนการผลิตและราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาในตลาดโลก โดยเฉพาะราคาสินค้าในกลุ่มปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ และสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ประกอบกับฐานราคาปี 2564 ค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้ดัชนีราคาผู้ผลิตสูงขึ้น ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง สูงขึ้นร้อยละ 6.7 (YoY) จาก 6.1% ในเดือนก่อนหน้า ตามต้นทุนการผลิตและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็ก อลูมิเนียม และน้ำมัน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม ทรงตัวอยู่ที่ 44.6%

ทั้งนี้ แม้ว่าเงินเฟ้อในเดือนนี้จะปรับตัวสูงขึ้นค่อนข้างมาก แต่ยังมีเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจอื่นที่ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจของไทยปรับตัวดีขึ้น (ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนมกราคม 2565) ด้านอุปสงค์ ได้แก่ ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ รายได้เกษตรกร ยอดการจัดเก็บภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวสูงขึ้น

เงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์

ด้านอุปทาน ได้แก่ กำลังการผลิต และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งเครื่องชี้วัดเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของไทยกำลังขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดี ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้และเพิ่มกำลังซื้อให้กับภาคธุรกิจและประชาชนได้ในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันรวมทั้งภาครัฐจะติดตามและดูแลค่าครองชีพทุกด้านให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม แม้วัสดุดิบจะสูงขึ้น แต่สินค้าจำเป็นส่วนใหญ่ภาครัฐดูแลไม่ได้ให้ปรับขึ้นแต่อย่างใด

นายรณรงค์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไป เดือนมีนาคม 2565 ยังคงอยู่ในระดับสูง ตามราคาพลังงานที่ยังสูง (น้ำมันเชื้อเพลิง ค่ากระแสไฟฟ้า) เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคปรับสูงขึ้นได้เช่นกัน รวมทั้งสินค้าในกลุ่มอาหารสำเร็จรูป และเครื่องประกอบอาหารเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับฐานราคาในช่วงต้นปี 2564 ค่อนข้างต่ำ ซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มสูงขึ้นได้อีกทาง

อย่างไรก็ตาม สินค้าที่เริ่มปรับตัวลดลง อาทิ กลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะเนื้อสุกร ผักสด ผลไม้ รวมทั้งมาตรการภาครัฐในรูปแบบต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน จะส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในปี 2565 ยังคงมีความเสี่ยงเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านสงครามรัฐเซียและยูเครนที่มองว่าจะทำให้เงินเฟ้อเคลื่อนไหวในช่วงกว้าง แต่จะประเมินสถานการณ์และปรับตัวเลขคาดการณ์ให้มีความเหมาะสมในเดือนมีนาคม 2565 นี้ต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo