Economics

น้ำมันแพงดันเงินเฟ้อเดือน ม.ค. พุ่ง 3.23% แจง ‘หมูแพง’ ดันเงินเฟ้อแค่ 0.67%

“กระทรวงพาณิชย์” เผยเงินเฟ้อเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 3.23% สูงสุดในรอบ 8 เดือน ชี้ “หมูแพง” ดันเงินเฟ้อแค่ 0.67% คาดการณ์เงินเฟ้อปีนี้จะอยู่ในกรอบ 0.7-2.4%

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวถึงดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ เงินเฟ้อทั่วไป เดือนมกราคม 2565 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนสูงขึ้น 3.23% จาก 2.17% ในเดือนก่อนหน้า โดยสูงสุดในรอบ 8 เดือนนับจากเดือนเมษายน 2564 สาเหตุที่เงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นในเดือนนี้มาจากกลุ่มสินค้าพลังงาน ที่ได้ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเงินเฟ้อ โดยสินค้ากลุ่มพลังงานสูงขึ้น 19.22% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2564

เงินเฟ้อ

“หมูแพง-ไก่แพง” ส่งผลต่อเงินเฟ้อน้อยมาก

ดังนั้น สินค้าในกลุ่มพลังงานจึงมีผลต่อการขึ้นของเงินเฟ้อถึง 2.25% เมื่อเทียบกับสินค้าในกลุ่มอาหารสด อาทิ เนื้อสุกร ไก่สด และไข่ไก่ ส่งผลต่อเงินเฟ้อน้อยมาก โดยเนื้อสุกร มีผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเพียง 0.67% ไก่สด มีผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเพียง 0.03% และไข่ไก่ มีผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเพียง 0.05%

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่น ๆ ที่ปรับราคาสูงขึ้นเล็กน้อยตามต้นทุน (ค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง และค่าจ้างแรงงาน ) จึงส่งผลต่อเงินเฟ้อไม่มากนัก อาทิ น้ำมันพืช อาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน และค่าบริการส่วนบุคคล แต่หากวิเคราะห์แม้อัตราเงินเฟ้อในเดือนมกราคม 65 จะสูงแต่หากเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนยังถือว่าค่อนข้างต่ำ

น้ำมันแพงดันเงินเฟ้อสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ จึงสรุปได้ว่า สินค้าในกลุ่มพลังงานส่งผลให้เงินเฟ้อในเดือนนี้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่สินค้ากลุ่มอาหารยังไม่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ปรับลดลง อาทิ ข้าวสารเหนียว ข้าวสารเจ้า ผักสด ผลไม้สด เสื้อผ้า ค่าเช่าบ้าน และค่าเล่าเรียน ส่งผลให้เงินเฟ้อของไทยขยายตัวในระดับที่ไม่สูงมากนักโดยเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในเดือนนี้ สอดคล้องกับเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เงินเฟ้อ

ด้านอุปสงค์ ได้แก่ ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ปริมาณนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และการส่งออกสินค้าที่ยังคงขยายตัวได้ดี ด้านอุปทาน ได้แก่ กำลังการผลิต ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ดัชนีการจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และยอดการจัดเก็บภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับดัชนีราคาผู้ผลิต ที่สูงขึ้น 8.7% จาก 7.7% ในเดือนก่อนหน้า และดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น 6.1% จาก 8.9% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 44.6 จากระดับ 47.0 ในเดือนก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม สนค. มองว่าแนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไป เดือนกุมภาพันธ์ 2565 คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในระดับที่ไม่มากนัก สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศ ที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามราคาในตลาดโลก ประกอบกับราคาฐานของเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมายังอยู่ในระดับต่ำ ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นตาม ค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง ค่าจ้างแรงงาน และยกเลิกการยกเว้นการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2565 ซึ่งจะส่งผลต่อ ภาคการผลิตและราคาขายปลีกสินค้าและบริการในลำดับต่อไป

เงินเฟ้อ

นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอกที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น อาทิ ค่าขนส่ง และต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาอาหารทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่ง สนค. คาดการณ์ไว้เงินเฟ้อในปี 65 จะอยู่ที่ 0.7-2.4% โดยค่ากลางเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.5 เป็นต้น

นอกจากนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือนมกราคม 65 จะสูงด้วยปัจจัยที่กล่าวมา หากพิจารณาเงินเฟ้อประเทศคู่ค้าสำคัญและในกลุ่มอาเซียน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2564) อาทิ สหรัฐอเมริกาสูงขึ้น 7.0% สหราชอาณาจักรสูงขึ้น 5.4% สิงคโปร์สูงขึ้น 4.0% และฟิลิปปินส์สูงขึ้น 3.6% ดังนั้น เมื่อพิจารณาภาวะเงินเฟ้อของหลายประเทศในสถานการณ์โลกปัจจุบันเงินเฟ้อของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนักแต่อย่างใด

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo