Economics

‘สุริยะ’ ปักธงอุ้มผู้ประกอบการสู้วิกฤติโควิด สั่ง ‘กรอ.’ ลุย!

สุริยะ กำชับ “กรอ.” เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ลุยจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร สานต่อโครงการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมโชว์ผลงานปี 63 อุ้มผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบกว่า 80,000 ล้านบาท

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้ดำเนินงานด้านการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร และ มีโครงการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง ที่ทำมาทุกปี โดยเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมติหลักการยกเว้น ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนเครื่องจักร เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อบรรเทาผลกระทบ ของผู้ประกอบการ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

สุริยะ

สำหรับรายละเอียดประกอบด้วย 3 รายการดังนี้คือ

1. ค่าจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ปกติอัตราจัดเก็บอยู่ที่เครื่องละ 750 บาท แต่ไม่เกิน 12,000 บาท

2. ค่าเครื่องหมายการจดทะเบียน ซึ่งเจ้าพนักงานได้ประทับหรือทำไว้ที่เครื่องจักร อัตราการจัดเก็บค่าธรรมเนียม อยู่ที่เครื่องหมายละ 120 บาท แต่ไม่เกิน 1,200 บาท

3. ค่าคัดสำเนาเอกสาร พร้อมด้วยคำรับรองว่าถูกต้อง อัตราจัดเก็บอยู่ที่หน้าละ 10 บาท ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ประมาณการการสูญเสียรายได้ จากการยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมครั้งนี้ในรอบ 1 ปี อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท

“กระทรวงอุตสาหกรรม ตระหนักถึงผลกระทบ ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบ อย่างมากต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพา ะกลุ่มเอสเอ็มอี ดังนั้น เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ให้ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ จึงได้กำชับให้ กรอ. เร่งดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ให้มีเงินทุนเข้าไปหมุนเวียน ในการทำธุรกิจ ซึ่งจะช่วยลดการเลิกจ้างงาน พยุงภาคอุตสาหกรรม ให้ยังสามารถทำหน้าที่ในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงยังเป็นการสนับสนุน เศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายของรัฐบาลด้วย” นาย สุริยะ กล่าว

ในปีงบประมาณ 2563 (ต.ค.62-ก.ย.63) พบว่า มีมูลค่าการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ประมาณ 100,000 ล้านบาท โดยมีผู้ประกอบการยื่นจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เครื่องจักร ทั้งสิ้น 1,157 ราย ในจำนวนนี้คิดเป็นเครื่องจักรที่จดทะเบียน ทั้งสิ้น 6,036 เครื่อง

โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถนำเครื่องจักรดังกล่าวมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้กับสถาบันการเงินในระบบ คิดเป็นวงเงินจำนองประมาณ 80,000 ล้านบาท โดยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าร่วมโครงการกว่า 107 ราย จำนวนเครื่องจักร 2,131 เครื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีการลงทุนในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 600 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 3 ปี

สำหรับปีงบประมาณ 2564 (ต.ค.63-ก.ย.64) กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรอ. ยังคงเดินหน้าโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งให้ความช่วยเหลือในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมากขึ้น เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง แข็งแกร่ง และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพตามนโยบายของรัฐบาล โดยได้มอบหมายให้ กรอ. ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสารแก่ผู้ประกอบการที่สนใจ ตลอดจนให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลโครงการ การจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการ

โดยเบื้องต้น คาดว่า จะมีผู้ประกอบการนำเครื่องจักรเข้ามาจดทะเบียนมากกว่า 1,300 ราย และมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำเครื่องจักรเข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่า 2,200 เครื่อง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการ มีเงินลงทุนในการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรมากขึ้น 10-15%

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการ ที่นำเครื่องจักรเข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกับ กรอ. นอกจากจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้แล้ว ยังได้รับสิทธิประโยชน์อีก 4 ด้าน คือ 1.สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสถาบันการเงิน 18 แห่ง 2. เงินทุนหมุนเวียน 3.ได้รับการยกเว้นภาษี และ 4.สิทธิประโยชน์อื่น ๆ อาทิ การยื่นคำขอจดทะเบียนผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สะดวก รวดเร็ว ลดเวลาดำเนินการ เป็นต้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo