Economics

วิทยุการบิน จัดทำเส้นทางบินคู่ขนาน-ยกระดับจัดจราจรทางอากาศ 9 สนามบิน รองรับเที่ยวบินเพิ่มขึ้น

วิทยุการบิน จัดทำเส้นทางบินคู่ขนาน-ยกระดับจัดจราจรทางอากาศ 9 สนามบิน รองรับเที่ยวบินเพิ่มขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ ผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินภูมิภาค

นายณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้มีนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค บวท. ในฐานะหน่วยงานผู้ให้บริการการเดินอากาศของประเทศ มีความพร้อมในการสนับสนุนผลักดันนโยบายของรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเดินอากาศเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน

วิทยุการบิน

จัดทำเส้นทางบินคู่ขนานรองรับเที่ยวบินเพิ่มขึ้น

บวท. ได้จัดทำเส้นทางบินแบบคู่ขนาน (Parallel Routes) ทางด้านเหนือ ไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย และเส้นทางบินแยกย่อยไปยังสนามบินต่าง ๆ ในภาคเหนือ รวมถึงการเชื่อมต่อเส้นทางบินระหว่างประเทศเพื่อรองรับเที่ยวบินจากประเทศจีน ซึ่งจะทำให้สามารถเชื่อมโยงไปยังเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของจีน เช่น คุนหมิง กุ้ยหยาง เฉิงตู เทียนฟู ฉงชิง ซีอาน

ด้านตะวันออก ได้จัดทำเส้นทางบินคู่ขนานระหว่างประเทศรองรับเที่ยวบินจากกัมพูชา เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และออสเตรเลีย ในขณะที่ด้านใต้ ได้จัดทำเส้นทางบินคู่ขนานในประเทศรองรับเที่ยวบินไปยังสนามบิน ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี ตรัง และเส้นทางบินคู่ขนานระหว่างประเทศ รองรับเที่ยวบินจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย

ส่วนด้านตะวันตก อยู่ระหว่างจัดทำเส้นทางบินคู่ขนานระหว่างประเทศ เพื่อรองรับเที่ยวบินจากอินเดีย บังคลาเทศ และยุโรป

ทั้งนี้ การจัดทำเส้นทางบินคู่ขนานใช้เทคโนโลยี Performance Based Navigation (PBN) ในการนำร่องแบบ RNAV2 ที่มีการกำหนดทิศทางการบิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการจราจรทางอากาศ ช่วยลดระยะทางการบิน ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณจราจรทางอากาศจากทุกทิศทาง

วิทยุการบิน

ใช้เทคโนโลยี ยกระดับจัดการจราจรทางอากาศ

ส่วนการให้บริการจราจรทางอากาศ บวท. ได้บริหารจัดการความคล่องตัว (Air Traffic Flow Management: ATFM) ช่วยทำให้เกิดความสะดวก คล่องตัว ลดผลกระทบการล่าช้าของเที่ยวบินในช่วงเวลาที่มีปริมาณการจราจรทางอากาศหนาแน่น ในขณะที่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานทางวิ่ง (High Intensity Runway Operation: HIRO) จะช่วยเพิ่มการรองรับเที่ยวบินของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ถึง 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และท่าอากาศยานดอนเมือง 60 เที่ยวบินต่อชั่วโมง

วิทยุการบิน

รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการเที่ยวบินขาเข้า คือ ระบบ Arrival Manager (AMAN) และการจัดการเที่ยวบินขาออกด้วยระบบ Intelligent Departure (iDep) มาใช้ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ เที่ยวบินสามารถทำการบินได้ตรงเวลาตามตารางการบิน รวมทั้งได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างห้วงอากาศ (Airspace) ของสนามบินที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันเพื่อให้สามารถรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น

โดยแบ่งเป็นการดำเนินงาน 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา กลุ่มที่ 2 ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานกระบี่ และท่าอากาศยานอันดามัน กลุ่มที่ 3 ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานลำปาง และท่าอากาศยานล้านนา

ซึ่งจะทำให้โครงสร้างพื้นฐานการเดินอากาศของประเทศไทยมีศักยภาพ พร้อมขับเคลื่อนไปสู่การเป็นศูนย์กลางการบินตามนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคของรัฐบาล

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo