เศรษฐกิจการคลัง เดือนส.ค. ปัจจัยหนุน ท่องเที่ยวขยายตัว ส่งออกกลับมาเป็นบวก เงินเฟ้อลดลง จับตาเศรษฐกิจโลกช่วงท้ายปี
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนสิงหาคม 2566 ว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนสิงหาคม 2566 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย
การส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัวเป็นบวก และอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องอย่างไรก็ดี ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและผลกระทบต่อภาคการส่งออกสินค้าของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2566 ต่อไป
รายละเอียดเศรษฐกิจการคลัง เดือนส.ค. 66
โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ในเดือนสิงหาคม 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 4.9% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -8.3%
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ในเดือนสิงหาคม 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.9 จากระดับ 55.9 ในเดือนก่อน เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นว่าการจัดตั้งของรัฐบาลใหม่จะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวต่อเนื่อง
ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ และปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนสิงหาคม 2566 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -15.1% และ -5.5% ตามลำดับ รายได้เกษตรกรที่แท้จริงในเดือนสิงหาคม 2566 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -1.7%
เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน: โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนสิงหาคม 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 0.2% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -2.4%
ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือนสิงหาคม 2566 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -19.9% สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนสิงหาคม 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 5.4% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 1.2% ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -2.5% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -0.1%
มูลค่าการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ 24,279.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.6% และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้า ที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า เพิ่มขึ้นที่ 3.9% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดอุปกรณ์กึ่งตัวนำฯ หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องโทรศัพท์อุปกรณ์และส่วนประกอบ โดยขยายตัว 74.5 59.1 39.8 และ 36.9% ตามลำลำดับ
นอกจากนี้ สินค้าในหมวดผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและแห้ง สิ่งปรุงรสอาหาร ผักกระป๋องและผักแปรรูป และนมและผลิตภัณฑ์ ขยายตัว 99.8 28.6 26.5 และ 13.2% ตามลำดับ อย่างไรก็ดี การส่งออกยางพารา น้ำตาลทราย และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังยังคงชะลอตัว
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะทวีปออสเตรเลีย สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่ขยายตัว 22.4 21.7 และ 15.7% ตามลำดับ รวมทั้งตลาดจีนที่กลับมาขยายตัวที่ 1.9% นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มตลาดอื่น ๆ ที่ขยายตัวได้ดี อาทิ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States: CIS) ที่ขยายตัว 30.4%
เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนจากภาคเกษตร และภาคบริการ: โดยภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรม ในเดือนสิงหาคม 2566 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.1% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.3% จากการขยายตัวของผลผลิต
ในหมวดปศุสัตว์ โดยเฉพาะสุกร และหมวดไม้ผล สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนสิงหาคม 2566 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 91.3 จากระดับ 92.3 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว ส่วนภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนสิงหาคม 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 2.47 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 107.7% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -8.2% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนาม ตามลำดับ
เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนสิงหาคม 2566 จำนวน 20.1 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 20.5% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -6.2%
เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี
สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ 0.88% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.79% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 61.7% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561
อัตราการว่างงาน ในเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ 1.0% ของกำลังแรงงานรวม และผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานรายใหม่ ในเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ที่ 0.63% ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทั้งหมด
สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 อยู่ในระดับสูงที่ 216.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ดัชนีเชื่อมั่น SME ไตรมาส 3 ขยับขึ้น รับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กังวลต้นทุนสูง จากมาตรการขึ้นค่าแรง
- ธ.ก.ส. จับมือ สนช. เติมทุน SME ใช้เทคโนโลยีการเกษตร ผ่านโครงการ ‘นวัตกรรมดี ไม่มีดอกเบี้ย’
- จุลพันธ์ เผย นายกฯ สั่งตั้งคกก. หารือ ‘พักหนี้เกษตรกs-SMEs’ 3 ปี นำเสนอครม.ปลายเดือน