รัฐบาลเปิดผลดำเนินการโครงการ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” พบผู้ใช้และวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคสูงสุดมีอัตราสูงสุดกว่า 99% ชี้พอใจในระดับมาก ต้องการให้มีการดำเนินการต่อเนื่อง
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี รับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ ประจำปี 2565 และรายงานการสำรวจความพึงพอใจในการจัดประชารัฐสวัสดิการจากผู้มี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ได้รับบริการทางสังคม ประจำปี 2565 สรุปผลได้ ดังนี้
1. ผลการดำเนินงาน
1. ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
- วงเงิน 200 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 98.21% และอัตรามูลค่าการใช้ 99.92%
- วงเงิน 300 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 98.68% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 99.91%
2. ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม
- วงเงิน 45 บาท/คน/3 เดือน อัตราการใช้สิทธิ 24.48% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 99.75%
3. ค่ารถโดยสารสาธารณะ
- รถไฟ วงเงิน 500 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 0.37% อัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 52.26%
- บขส. วงเงิน 500 บาท/คน/เดือน อัตราการใช้สิทธิ 0.10% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 85.83%
- ขนส่งในเขต กทม. และปริมณฑล วงเงิน 500 บาท/คน/เดือน อัตราการใช้สิทธิ 10.05% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 33.02%
4. ค่าสาธารณูปโภค
- ค่าไฟฟ้า วงเงิน 315 บาท/ครัวเรือน/เดือน อัตราการใช้สิทธิ 7.98%
- ค่าน้ำประปาวงเงิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน อัตราการใช้สิทธิ 2.24%
ทั้งนี้ มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้สิทธิค่าซื้อสินค้าอุปโภคสูงสุด ซึ่งส่วนใหญ่ใช้วงเงินเกือบเต็มจำนวนในคราวเดียว รองลงมาคือ ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม ขณะที่สวัสดิการค่าโดยสารรถสาธารณะ มีจำนวนผู้ใช้น้อย เนื่องจากข้อจำกัดประเภทรถโดยสารที่ใช้กับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีจำนวนน้อย รวมทั้งยังมีการกำหนดวงเงินแยกรายประเภทรถโดยสาร
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียัง กล่าวถึง รายงานความคุ้มค่าของการจัดประชารัฐสวัสดิการว่า แบ่งเป็นผลประโยชน์ทางตรงที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพและภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 13.26 ล้านคน โดยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อยู่ในเขต กทม. ได้รับผลประโยชน์อยู่ที่ 2,330-2,430 บาท/คน/เดือน ขณะที่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ ได้รับผลประโยชน์อยู่ที่ 1,830-1,930 บาท/คน/เดือน รวมมูลค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการจำนวน 46,930.81 ล้านบาท
ส่วนผลประโยชน์ทางอ้อม มีการใช้จ่ายเงินกองทุนประชารัฐฯ ที่เป็นวงเงินเพื่อซื้อสินค้าบริโภค อุปโภคที่จำเป็น 43,303.15 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคของภาคเอกชน 75,347.48 ล้านบาท และความคุ้มค่าของการจัดประชารัฐสวัสดิการ โดยผลประโยชน์ที่ได้รับมากกว่าต้นทุนอยู่ 26,303.24 ล้านบาท ทั้งจากการช่วยลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นให้แก่ผู้มีรายได้น้อย รวมถึงก่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังเป็นการกระจายรายได้เข้าสู่ชุมชนและเข้าสู่เศรษฐกิจฐานรากโดยตรง
นางสาวรัชดา ยังกล่าวถึงผลการสำรวจความพึงพอใจในการจัดประชารัฐสวัสดิการจากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ได้รับบริการทางสังคม ประจำปี 2565 จากกลุ่มตัวอย่างผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐท่ัวประเทศ จำนวน 11,105 ราย ระหว่างวันที่ 1 กันยายน-30 ตุลาคม 2565 พบว่า กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นผู้ว่างงาน ผู้ไม่มีรายได้ และผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีความพึงพอใจในสวัสดิการมากที่สุด และเห็นว่าสามารถแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้
ส่วนรูปแบบสวัสดิการที่มีความพึงพอใจมากที่สุดคือ ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ แต่อยากให้เพิ่มวงเงินสวัสดิการ โดยเฉพาะวงเงินการซื้อสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ค่าน้ำประปา และค่าไฟฟ้า รวมถึงต้องการได้รับสวัสดิการเป็นเงินสดเพื่อนำมาใช้จ่ายได้ ทั้งนี้ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมีความพึงพอใจในสวัสดิการทุกรายการในระดับมากและมีความพึงพอใจกับโครงการลงทะเบียนฯ และต้องการให้มีการดำเนินการต่อเนื่องต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กางกระเป๋ารอ! เงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดือน ส.ค. งวดสุดท้าย ได้กี่บาท ใครได้บ้าง?
- กรมบัญชีกลาง อัปเดต ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ เดือนส.ค. 66 จ่ายอะไรบ้าง
- เริ่มแล้ว! รถ-เรือโดยสาร สมัครเป็นผู้ให้บริการ ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ ดีเดย์ 1 ต.ค. นี้