ศาลปกครองสูงสุด มีคำตัดสินกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้ยกฟ้องการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 เนื่องจากเห็นว่า มีอำนาจยกเลิกประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุน และยกเลิกการคัดเลือกเอกชนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มโดยชอบด้วยกฎหมาย
ศาลปกครองสูงสุด วินิจฉัยว่าการยกเลิกประกาศเชิญชวนเอกชนสามารถทำได้ตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ปี 2562 และในเอกสาร RFP ได้ระบุไว้ว่า รฟม. สงวนสิทธิในการยกเลิกการคัดเลือกเอกชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ได้ และเป็นการกระทำโดยสุจริต
จากข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการคัดเลือกมาตรา 36 และ รฟม. ยกเลิกการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เนื่องจากการดำเนินโครงการส่วนตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ) จะล่าช้า ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผลตอบแทนทางการเงิน รวมถึง จะทำให้การให้บริการส่วนตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ล่าช้า ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายงานโยธาส่วนตะวันออกเพิ่มขึ้น
เมื่อเปิดให้บริการทั้งเส้นคาดว่า จะมีผู้ใช้บริการ 439,736 คนเที่ยวต่อวัน หากเปิดล่าช้าจะทำให้ผู้ใช้บริการสูญเสียประโยชน์ ซึ่งศาลเห็นว่าคณะกรรมการคัดเลือกมาตรา 36 ใช้ข้อมูลถูกต้องแล้ว
อีกทั้งคดีรถไฟฟ้าสายสีส้ม มีการฟ้องร้องคดีหลายสำนวนของศาลปกครอง จึงไม่สามารถทราบวันเวลาสิ้นสุดว่า คดีจะสิ้นสุดเมื่อไร ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้โครงการมีปัญหาล่าช้า คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 จึงเดินหน้าเปิดประมูลใหม่ โดยไม่ต้องรอให้ศาลวินิจฉัย ซึ่งศาลเห็นว่าเป็นการวินิจฉัยทั่วไปที่สามารถยอมรับได้
ส่วนกรณีที่ศาลเห็นว่าการยกเลิกไม่ขัดความเสมอภาค และเป็นการดำเนินการโดยสุจริต เพราะคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ยังไม่ได้พิจารณาข้อเสนอเอกชนรายใด ทำให้การยกเลิกไม่ได้เอื้อประโยชน์ต่อเอกชนรายใดรายหนึ่ง
นอกจากนี้ คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ไม่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอก และใช้ดุลพินิจโดยชอบ ดังนั้น การยกเลิกการประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนและการคัดเลือกเอกชนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจึงเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ศาลปกครองสูงสุด ยกฟ้อง ‘บีทีเอส’ เรียกค่าเสียหาย คดีประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม
- รฟม.เฮ! ศาลอาญาฯ ยกฟ้องกรณี ‘รถไฟฟ้าสายสีส้ม’
- ‘BEM’ ยันประมูลสายสีส้ม ถูกต้องตามกม. – มั่นใจเป็นประโยชน์แก่ประชาชน-รัฐ