หลังจากกลุ่มบีทีเอส ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) จำนวน 7% ล่าสุดเริ่มเห็นการขับเคลื่อนธุรกิจร่วมกันชัดเจนขึ้น จากการ Synergy ของทั้งสองบริษัท เพื่อผลักดันรายได้ของอาร์เอสให้ทะยานสู่หมื่นล้านในปี 2565 ตามเป้าหมายที่วางไว้
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากโยนบิ๊กล็อตให้กับกลุ่มบีทีเอส ดาต้าเบสของทั้ง 2 บริษัท จะมีฐานลูกค้าพุ่งถึง 35 ล้านคน แบ่งเป็นฐานลูกค้าของอาร์เอส อายุ 35 ปีขึ้นไป และฐานลูกค้าของกลุ่มบีทีเอสจะเป็นกลุ่ม 35 ปีลงมา ซึ่งไม่ทับซ้อนกับกลุ่มเดิม
นอกจากนี้ แผนธุรกิจที่บริษัทมองโอกาสร่วมกับกลุ่มบีทีเอสจะเกิดใน 2 มิติ คือ การ Synergy นั่นคือ กลุ่มบีทีเอสจะทำหน้าที่เป็นอีกช่องทางขาย นอกจากช่องทางเดิมที่อาร์เอสมีอยู่แล้ว และต่อยอดกลุ่มธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง Multi-platform Commerce (MPC) เดิมของอาร์เอส ในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม (Health & Beauty) เดิมและพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกัน ซึ่งจะเห็นภาพที่ชัดเจนในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายเพิ่มจำนวน เทเลเซลส์ หรือพนักงานขายทางโทรศัพท์ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญ เพื่อรองรับการซื้อซ้ำของผู้บริโภค รวมทั้งให้บริการคำปรึกษาแนะนำธุรกิจตลอด 24 ชั่วโมง จากปัจจุบันมีอยู่กว่า 500 ราย และจะมีการเพิ่มขึ้นตามจำนวนการสั่งซื้อ ซึ่งบริษัทได้เตรียมที่จะย้ายออฟฟิศต้นปี 2563 สามารถรองรับเทเลเซลได้ถึง 2,000 ราย ปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่ซื้อขายสินค้าของบริษัทแล้วจำนวน 1.3 ล้านราย และโตต่อเนื่องเดือนละ 20,000 ราย
ปัจจุบัน ยังพบว่า กลุ่มธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง MPC เติบโตต่อเนื่อง สร้างรายได้เป็นสัดส่วนหลักถึง 60% ให้กลุ่มอาร์เอส ภายใต้กลุ่มธุรกิจไลฟ์สตาร์ ที่มุ่งผลิตสินค้าสุขภาพและความงามคุณภาพระดับโลกสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าเฮลท์แอนบิวตี้ กลุ่มสินค้าโฮมแอนไลฟ์สไตล์ กลุ่มสินค้าเครื่องประดับ กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และแก็ดเจ็ต
พร้อมกันนี้ ล่าสุด บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 50 ล้าบาท ชูกลยุทธ์ “Story Telling” การสื่อสารแนวใหม่ ผ่านเรื่องราวในชีวิตจริงของ น้ำตาล-ชลิตา ส่วนเสน่ห์ ที่มาร่วมเผยเคล็ดลับและเปิดตัวแคมเปญ ‘ใครว่าผิวเข้ม กระจ่างใสไม่ได้’ กับผลิตภัณฑ์มาจีค เฮิร์บลิส พร้อมทั้งวางกลยุทธ์สื่อสารและทำการตลาดหลากหลายช่องทางในรูปแบบ ออมนิชาแนล มาร์เก็ตติ้ง เชื่อมโยงช่องทางระหว่างออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าเข้าถึงสินค้าง่ายขึ้น
“เทรนด์โลกกำลังสนใจสินค้าเพื่อสุขภาพ และประเทศไทยเองก็กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ทุกคนหันมาใส่ใจต่อการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น ธุรกิจ MPC ของเราได้เตรียมลอนช์สินค้าใหม่ เป็นสุดยอดนวัตกรรมคุณภาพกลุ่มเฮลท์แอนบิวตี้ อีก 2-3 รายการ ด้วยกลยุทธ์การบริหารและแผนการตลาดที่ทำอย่างแม่นยำและต่อเนื่องตลอดทั้งปี คาดได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า มั่นใจว่าโปรดักส์ใหม่นี้ จะยืนหนึ่งเป็น โปรดักส์แชมเปี้ยนในอนาคต”นายสุรชัยกล่าว
