ในวันที่สถาบันการเงินอยู่ในช่วงท้าทาย จากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิธนาคาร-ธุรกิจสินเชื่อ ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของลูกค้า
แต่ถ้าจะถามว่าช่วงหลายปีมานี้ บริษัทธุรกิจการเงินไหนที่ร้อนแรงกว่าใครเพื่อน เชื่อว่าหลายคนคงจิ้มไปที่ KTC หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ไม่ว่าจะเรื่องตัวเลขผลประกอบการที่เติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมติดต่อกันหลายปี แผนธุรกิจที่เตรียมพร้อมรับมือ Disruption ได้ยอดเยี่ยม หรือราคาหุ้นที่น่าสนใจอย่างมาก
ทำไมบริษัทนี้จึงเป็นที่สนใจของหลายคน และกำลังก้าวขึ้นมาเป็น ท็อปแบรนด์ด้านการเงินได้อย่างไร ลองมาเจาะลึกธุรกิจ KTC กัน
รู้จักภาพรวมธุรกิจ KTC
KTC เป็นผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้ธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ 49.45%
เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2539 ก่อนจะแปลงเป็นบริษัทมหาชน เพื่อจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2545
ปัจจุบัน KTC มีรายได้มาจาก 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. บัตรเครดิต 2. สินเชื่อส่วนบุคคล และ 3. ธุรกิจอื่นๆ (ทวงถามหนี้-สินเชื่ออื่นๆ) รายได้หลักยังเป็นค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยจากบัตรเครดิตที่เป็นลูกค้าบัตร KTC กว่า 2.4 ล้านใบ หรือคิดเป็นส่วนแบ่งในตลาดบัตรเครดิตราว 10%
ผลประกอบการ KTC ย้อนหลัง 4 ปี
- ปี 2558 รายได้ 13,443 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,072 ล้านบาท
- ปี 2559 รายได้ 15,062 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,495 ล้านบาท เติบโต 20.41%
- ปี 2560 รายได้ 16,531 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,304 ล้านบาท เติบโต 30.42%ปี 2561 รายได้ 17,713 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,139 ล้านบาท เติบโต 55.53%
ตั้งเป้ากำไรทะลุ 1 หมื่นล้าน
4 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่โดดเด่นมากของ KTC สามารถทำกำไรเติบโตยอดเยี่ยมมากในอัตราสูงขึ้นทุก ๆ ปี แถมยังทะลุเป้าที่บริษัทมักจะตั้งไว้ไม่ค่อยสูงมากอยู่เสมอ
อย่างไรก็ดี ปี 2562 พวกเขามาพร้อมกับเป้าหมายใหม่ที่ไม่ได้ Conservative อีกแล้ว ด้วยการปักหมุดอยากจะ ทำกำไรมุ่งสู่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2569 ซึ่งเป็นการเติบโตขึ้นกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว
ถามว่า 1 หมื่นล้าน เป็นตัวเลขที่สูงไหม ก็ต้องบอกตามตรงว่าสูงพอควร แต่นักลงทุนและนักวิเคราะห์หลายคน กลับมองตรงกันว่า นี่ไม่ใช่ฝันลอยๆ แถมมีโอกาสทำได้ก่อนปี 2569 ด้วยซ้ำหาก KTC รักษามาตรการของตัวเองไว้
ที่สำคัญ KTC เป็นบริษัทที่พร้อมปรับตัว มองหาช่องทางใหม่ๆ อยู่เสมอ เช่น การรุกธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ นาโนไฟแนนซ์ และ e-Wallet
ข้อได้เปรียบของ KTC อีกอย่างคือเรื่องต้นทุนดำเนินงาน เพราะธุรกิจบัตรเครดิต ไม่จำเป็นต้องมีสาขาและพนักงานจำนวนมากเหมือนธนาคาร แต่ดอกเบี้ยที่ได้จากสินเชื่อกลับมีอัตราสูงกว่ามาก
ประกอบกับสมัยนี้การขอสินเชื่อบุคคลรายย่อยทำได้ง่ายและรวดเร็ว ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นแรงส่งสำคัญให้ KTC เติบโตอย่างก้าวกระโดดแบบที่เราเห็นนั่นเอง