Auto

‘ส.อ.ท.’ เผยยอดผลิตรถกระบะดิ่งหนัก หลังแบงก์คุมเข้มปล่อยสินเชื่อ!

“ส.อ.ท.” เผยยอดผลิตรถยนต์เดือนมกราคม 2567 ลดลง 12.4% ขณะที่ยอดผลิตรถกระบะดิ่งหนัก 50.89% หลังแบงก์คุมเข้มปล่อยสินเชื่อ!

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงยอดการผลิตรถยนต์เดือนมกราคม 2567 ว่า การผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทเดือนมกราคม 2567 มีทั้งสิ้น 142,102 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2566 คิดเป็น 12.46% เนื่องจากผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงถึง 33.62% โดยเฉพาะการผลิตรถกระบะเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงถึง 50.89 %ตามยอดขายที่ลดลงจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนยังคงสูง

ยอดผลิตรถ

อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่างบประมาณปี 2567 ที่จะออกมาในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 นี้จะทำให้การลงทุน การกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐจะดีขึ้นทำให้ประชาชนมีรายได้สามารถกู้ซื้อรถรวมถึงสินค้าอื่น ๆ ได้มากขึ้น ขณะเดียวกันคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจผ่อนคลายลดดอกเบี้ยครึ่งปีหลังก็จะทำให้ดอกเบี้ยของไทยลดลงและมีส่วนช่วยให้การชำระหนี้ได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับยอดขายรถยนต์เดือนมกราคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 54,814 คันลดลงจากเดือนมกราคม 2566 คิดเป็น 16.42% เพราะรถกระบะมียอดขายแค่ 14,864 คัน ลดลงถึง 43.47% จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนสูงมาก รถ PPV มียอดขายลดลง 43.86%เพราะยังไม่มีรุ่นใหม่ออกมา ประกอบกับมีรถ SUV แบบ Hybrid ออกใหม่ในราคาจับต้องได้มาเอาส่วนแบ่งตลาดไป และรถบรรทุกขายลด 32.01% จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ล่าช้า

ยอดผลิตรถ
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์

ขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนมกราคม 2567อยู่ที่ 86,716 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2566 คิดเป็น 0.08% เพราะส่งออกได้เพียง 91.17% ของยอดผลิตเพื่อส่งออก เพราะเรือมีพื้นที่ไม่เพียงพอจึงส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย แอฟริกาและอเมริกาเหนือ แยกเป็นรถยนต์สันดาปภายใน ICE 81,763 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 คิดเป็น 4.85% ส่งออกรถยนต์นั่งไฟฟ้าแบบผสมหรือ HEV 4,953 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 คิดเป็น 478.62% รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม 2567 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 79,633.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2566 คิดเป็น 14.25%

“ส.อ.ท.เองก็ยังคงเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2567 รวมอยุ่ที่ 1,900,000 คันเพิ่มขึ้นจากปี 2566 คิดเป็น 3.17% แยกเป็นผลิตเพื่อการส่งออกที่ 1,150,000 คันลดลงจากปี 2566 คิดเป็น 0.52% การผลิตเพื่อการจำหน่ายในประเทศ 750,000 คันเพิ่มขึ้น 9.39% เพราะคาดหวังจากงบประมาณปี 2567 ที่จะออกมาและคิดว่ารถบรรทุกจะกลับมาขายดีในช่วงนี้” นายสุรพงษ์ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK