พาณิชย์ ขึ้นทะเบียน GI ‘น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่’ สร้างรายได้ 51 ล้านบาทต่อปี ‘โคราช’ ครองแชมป์สินค้า GI มากที่สุด
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้ประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เพื่อคุ้มครองสินค้าท้องถิ่นชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในพื้นที่แหล่งผลิตสินค้าในแต่ละท้องถิ่น สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ตลอดจนส่งเสริมการจัดทำระบบควบคุมคุณภาพสินค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และขยายช่องทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง
ขึ้นทะเบียน GI น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่
ล่าสุด กรมทรัพย์สินทางปัญญา ประกาศขึ้นทะเบียน GI “น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่” จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ทั้งในแง่ของคุณภาพ รสชาติ และอัตลักษณ์โดดเด่นที่เกิดจากการปลูกในสภาพดินแดง ซึ่งเป็นดินที่เหมาะต่อการปลูกน้อยหน่ามากที่สุด
ส่งผลให้น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่ มีรสชาติหวาน หรือหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอมละมุน เนื้อละเอียด เหนียว เมล็ดเล็ก ทำให้ได้รับความนิยมสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรในจังหวัดจังหวัดนครราชสีมากว่า 51 ล้านบาทต่อปี
ความเข้มแข็งของเกษตรกรและคนในชุมชนท้องถิ่นในจังหวัดนครราชสีมา รวมไปถึงหน่วยงานราชการท้องถิ่นในจังหวัดที่บูรณาการการทำงานร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาอย่างใกล้ชิด ทั้งการจัดทำคำขอขึ้นทะเบียน การควบคุมการผลิตสินค้า GI ให้ได้มาตรฐาน ตลอดจนเฟ้นหาสินค้าใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเข้าสู่ระบบการคุ้มครอง GI
11 สินค้า GI โคราช
ส่งผลให้ปัจจุบันจังหวัดนครราชสีมามีสินค้า GI มากที่สุดในประเทศไทย จำนวน 11 สินค้า ประกอบด้วย
- กาแฟดงมะไฟ
- กาแฟวังน้ำเขียว
- ไวน์เขาใหญ่
- ข้าวหอมมะลิทุ่งสัมฤทธิ์
- มะขามเทศเพชรโนนไทย
- ทุเรียนปากช่องเขาใหญ่
- เครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน
- ผ้าไหมปักธงชัย
- เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ผ้าไหมคึมมะอุบัวลาย
- น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่
ถือเป็นจังหวัดต้นแบบในการนำระบบ GI มายกระดับสินค้าท้องถิ่นจนเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ช่วยสร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศอย่างยั่งยืน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘คลัง’ ฟื้น ‘ช้อปดีมีคืน’ แบบไฮบริดต้นปี 66 พร้อมเพิ่มวงเงินสูงขึ้น
- คลังจ่อหารือ ออกมาตรการ ‘กระตุ้นเศรษฐกิจ’ โค้งสุดท้ายปลายปี พร้อมขยาย ‘ช้อปดี มีคืน’
- ‘บิ๊กตู่’ เคาะแล้ว ‘ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ 4 ภาค’ กำหนดกิจการเป้าหมาย และสิทธิประโยชน์