Business

ยุคน้ำมันแพง เทียบให้ชัด ‘รถอีวี VS รถน้ำมัน’ มีดี-ต่างกันอย่างไร?

สนพ. เทียบชัดเจน รถอีวี VS รถน้ำมัน หลังรัฐหนุนใช้รถยนต์ไฟฟ้า ยุคน้ำมันราคาพุ่ง

สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน โพสต์เพจเฟซบุ๊ก EPPO Thailand เปรียบเทียบการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี กับรถน้ำมัน โดยระบุว่า

รถอีวี

รถยนต์ EV VS รถน้ำมัน มีดีและต่างกันยังไง?

รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นเทรนด์ในประเทศไทย เพราะด้วยราคาน้ำมันตลาดโลกมีความผันผวนอย่างมากตามสถานการณ์การสู้รบระหว่างยูเครน-รัสเซีย และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ภาครัฐจึงได้ออกมาตรการสนับสนุนเพื่อเพิ่มการใช้รถ EV ให้เพิ่มมากขึ้น

วันนี้ EppoThailand จะพามาดูว่าข้อดีและข้อแตกต่างของรถยนต์ EV และรถน้ำมัน ต่างกันมากน้อยเพียงใด

แหล่งพลังงาน

รถไฟฟ้า: ชาร์จไฟได้จากการติดตั้งเครื่องชาร์จรถไฟฟ้าได้ที่บ้าน หรือชาร์จจากสถานีชาร์จสารธารณะ โดยทั้งภาครัฐ และเอกชน ได้เริ่มขยายการติดตั้งสถานีชาร์จรถไฟฟ้าให้มีความเพียงพอต่อการใช้งานมากขึ้น

รถน้ำมัน: เติมน้ำมันได้ที่สถานีบริการน้ำมันทั่วไป

การซ่อมบำรุง

รถไฟฟ้า: เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีเพียงมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้นที่เป็นส่วนกำลังทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ ไม่มีของเหลวหรือที่กรองของเหลวที่ต้องบำรุงรักษา อีกทั้งพลังงานไฟฟ้ายังมีราคาถูกกว่า และผันผวนน้อยกว่าราคาน้ำมัน

รถน้ำมัน: ใช้อะไหล่จำนวนที่มากกว่า และเครื่องยนต์มีความซับซ้อน เมื่อเกิดปัญหาอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง

รถอีวี

การใช้งานทั่วไป

รถไฟฟ้า: เครื่องยนต์เงียบ และมีอัตราการเร่งดีกว่า

รถน้ำมัน: มีเสียงดังกว่า และมีการกระชากจากเครื่องยนต์

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

รถไฟฟ้า: ทำงานด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ทำให้ไม่มีการปล่อยไอเสียหรือก๊าซเรือนกระจกออกมาและไม่สร้างมลพิษให้กับท้องถนน

รถน้ำมัน: ปล่อยมลพิษหากเป็นรถยนต์รุ่นเก่า หรือได้รับการดูแลที่ไม่ถูกต้อง

ถ้าเราเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า (EV) จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปเกือบ 34,800 บาทต่อปี ถือว่าเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนรักษ์โลก เพราะมีทั้ง ความคุ้มค่า ทั้งประหยัด ลดการปล่อย Co2 และมลพิษบนท้องถนน รวมถึงสามารถชาร์จได้จากที่บ้านอีกด้วย

หมายเหตุ (ค่าใช้จ่าย)

1. หักลบสภาวะใช้งานจริง 70% จากสเปค

2. ค่าไฟในช่วง Off Peak (22.00 – 09.00 น.) (อัตราตามช่วงเวลาของการใช้ TOU กฟน.)

3. ระยะทางเฉลี่ย 30,000 กม./ปี

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo