นายกฯ รับแก้ปัญหาแรงงาน 8 เรื่อง โปรยยาหอม แรงงานเป็นกำลังหลักทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ พ.ศ. 2565 โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ต้อนรับ
นายสุชาติ กล่าวรายงานว่า นับตั้งแต่ปี 2562 มี 17 ข้อเรียกร้องของผู้ใช้แรงงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานได้ดำเนินการแก้ปัญหาแรงงานไปแล้ว 10 ข้อเหลืออีก 7 ข้อเรียกร้องที่จะดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับผู้ใช้แรงงานทุกกลุ่ม และพร้อมกับการแก้ปัญหา ช่วงสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลได้เยียวยาผู้ประกันตน ที่ได้รับผลกระทบทุกมาตรา ทั้งมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 รวม 20 ล้านคน และครั้งนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่นายกฯ มารับข้อเสนอจากผู้ใช้แรงงาน
ด้าน นายสุชาติ ไทยล้วน ประธานคณะกรรมการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2565 ได้ยื่นข้อเรียกร้องวันแรงงาน 8 ข้อต่อนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย
1. ให้รัฐบาลรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ
2. เร่งดำเนินการนำร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ…. เข้ากระบวนการพิจารณาในสภา
3. ขยายวงเงินเพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้ที่ลูกจ้างได้รับก้อนสุดท้ายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
4. ปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
5. ปฏิรูปแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสังคม
6. เร่งรัฐออกกฏหมายคุ้มครองส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพแรงงานนอกระบบ
7. จัดระบบกองทุนสวัสดิการเลี้ยงชีพลูกจ้างภาครัฐ วิสาหกิจ
8. ตั้งคณะทำงานติดตามข้อเรียกร้องทั้งหมดทั้งหมด
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นโอกาสที่เราได้พบกันอีกครั้ง นับจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งวันแรงงานเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะแสดงความขอบคุณและตระหนักถึงบทบาทของผู้ใช้แรงงานทุกคน ตนไม่เคยทอดทิ้งและเอาใจใส่อยู่เสมอ ในฐานะที่เป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสดีที่จะกระตุ้นเตือนให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงสิทธิความเสมอภาค สวัสดิการ และความปลอดภัยในอาชีพ และได้รับความต้องการที่แท้จริง นำไปพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และยกระดับคุณภาพชีวิตให้มีความสุข มั่นคง
ที่ผ่านมา รัฐบาลมีความมุ่งมั่นจะผลักดันให้กระทรวงแรงงานพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเต็มรูปแบบในเวทีการค้าโลก
ดังนั้นการพัฒนาแรงงานเพื่อให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น มีชีวิตที่ดีและความสุขอย่างยั่งยืน เป็นเป้าหมายสำคัญที่จะต้องดำเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาประเทศ ซึ่งกลุ่มแรงงานกลุ่มนี้เป็นกำลังหลักทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ถือเป็นอาชีพที่มีความสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนเป็นห่วง และกังวลคือชีวิตความเป็นอยู่ และรายได้ของกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลพยายามเดินหน้าสิ่งต่างๆ มาโดยตลอด ทั้งการพัฒนาฝีมือแรงงานและการดูแลต่างๆ
แต่หลังจากมีโควิด-19 เข้ามาก็มีปัญหา แต่ก็มีการดูแล เยียวยาทั้งกลุ่มแรงงานและเจ้าของสถานประกอบการ นั่นคือภาระหลักของเรา จะให้ใครแบกภาระไว้ข้างเดียวมันไม่ไหว
ขณะนี้ก็เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งในโลกของเรา จึงเกิดผลกระทบในห่วงโซ่การผลิตทั้งหมดของทั้งโลก ซึ่งไทยเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่ เพราะมีโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยวัตถุดิบต่าง ๆ จากหลากหลายประเทศ และเมื่อมีสถานการณ์ที่ที่พลิกพัน จึงต้องเตรียมมาตรการอื่นไว้รองรับด้วย
อีกประการหนึ่งคือ เป็นห่วงเรื่องขาดแคลนแรงงานฝีมือ เนื่องจากไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพราะเราแข็งแรงมีอายุยืนยาว รวมถึงคนที่มีครอบคัวก็มีบุตรน้อยลง คือสิ่งที่รัฐบาลต้องนำไปเป็นยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศไปด้วย
ในเรื่องโรคอุบัติใหม่ เรามีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างก้าวกระโดด การเปลี่ยนแปลงทางสังคมการเมืองและสิ่งแวดล้อม ทำให้การดำเนินชีวิตของคนเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร
ในช่วง 2 ปีที่มีโควิด-19 รัฐบาลใช้งบประมาณดูแลเฉพาะเรื่องนี้ไปถึง 1 ล้านล้านบาท ทั้งการฟื้นฟูและเยียวยา เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาล ช้าบ้าง เร็วบ้าง ดูแลเต็มที่ เรื่องที่บกพร่องได้สั่งย้ำให้เร่งแก้อยู่ตลอด
วันนี้ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้หารายได้มาทดแทนเงินก้อนใหญ่ที่ใช้ไป พอโควิด -19 เริ่มดีการท่องเที่ยวจะเข้ามา ก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้น
สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือเราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างไร โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ที่อาจจะไม่เหมือนกับต่างจังหวัด ที่สามารถหาซื้อของกินของใช้ในพื้นที่ ซึ่งราคาไม่แพงมากนัก แต่เมื่อมาอยู่ในกรุงเทพฯ ทำอย่างนั้นไม่ได้
ดังนั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกลุ่มใช้แรงงาน จึงทำให้เกิดเป็นปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งเราก็ระมัดระวัง เพราะหากมันมากเกินไป จะมีผลกับงบประมาณการเงินการคลังของเรา
รัฐบาลไม่เคยทิ้งพวกเรา โดยเฉพาะผม มีการหารือกันเสมอว่าเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรประเทศของเราจะมีรายได้ในอนาคต ทำอย่างไรจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่มากขึ้น และทำอย่างไรคนไทยที่เป็นแรงงานจะมีงานทำในลักษณะหัวหน้างาน
สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการคือ การเร่งพัฒนาฝีมือแรงงาน เพิ่มศักยภาพ เพราะวันหน้าโลกอาจจะเปลี่ยนไปการใช้เครื่องจักรเครื่องมือและใช้หุ่นยนต์มากขึ้น ฉะนั้นเราต้องพัฒนาตัวเองเพื่อสามารถทำงานกับเครื่องจักรได้ในอนาคต และสามารถเป็นหัวหน้างานคุมงานได้
รับ 8 ข้อเสนอแก้ปัญหาแรงงาน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนรับข้อเสนอทั้ง 8 ข้อ เพื่อนำไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรม และยืนยันว่ารัฐบาลมุ่งยกระดับป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ เพื่อปลดล็อกสถานการณ์การค้ามนุษย์ระดับเทียร์ 2 ที่ถูกจับตามอง
ขณะที่แรงงานต่างด้าวต้องดูแลให้เป็นระบบ เพราะต้องใช้ทั้งแรงงานไทยและต่างด้าวพัฒนาระบบทั้งประเทศ
ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทอดทิ้ง และไม่เคยคิดอย่างนั้น การเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี คือการเป็นตัวแทนประชาชนเข้ามาทำงานแก้ปัญหา อะไรทำได้จะทำเต็มที่
ในส่วนของข้อเสนอขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังหารือกันอยู่ว่าถ้าจะขึ้น จะขึ้นได้เท่าไหร่ ต้องดูเรื่องอัตราเงินเฟ้อด้วย และถ้าจะไม่ขึ้นเป็นเพราะอะไร
สิ่งสำคัญวันนี้คือการย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น เพราะนักลงทุนจะดูว่าจะไปประเทศไหน และอาจจะมองว่าที่อื่นลงทุนได้ง่ายกว่า สะดวกกว่าหรือไม่ ถูกกว่าหรือไม่ เขาก็ไปหมด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- นายกฯ สั่งเข้มดูแลราคาสินค้า น้ำมันขึ้นหวั่นกระทบค่าครองชีพ
- ‘วันแรงงาน’ 1 พฤษภาคม กับ ‘สิทธิ’ ที่ลูกจ้างต้องรู้
- ผู้ประกันตนเฮ! แรงงานเร่งแก้ไขสิทธิประโยชน์ ‘3 ขอ’ ใกล้ความจริง