ลุมพินี วิสดอม ประเมินสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ปี 2565 ดีสุดโต 10-20% แย่สุดโตแค่ 5-10% ชี้โอไมครอน หนี้ครัวเรือน แบงก์เข้มสินเชื่อ ปัจจัยลบตลาด
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล.พี. เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ปรับการคาดการณ์จากเดิมที่คาดไว้เมื่อปลายปี 2564 ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้มเติบโต 15-20% มาอยู่ที่อัตราการเติบโต 5-20%
การปรับการคาดการณ์ดังกล่าว เป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธ์โอไมครอน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาวะการค้าการลงทุน และห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก ที่เป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในประเทศ
ทั้งนี้ ได้ประเมินภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 ออกเป็น 3 ความเป็นไปได้ (3-Scenarios) โดยอ้างอิงจากการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2565 ของธนาคารโลก ธนาคารแห่งประเทศไทย และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และความสามารถในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด ของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้
ประเมิน 3 สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ
Base Case
เป็นกรณีที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ภายในไตรมาสแรกของปี 2565 ภาคการส่งออกเติบโตได้ 5-8% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน เศรษฐกิจโลกเติบโตที่อัตรา 3.6% ตามการคาดการณ์ของธนาคารโลก และเศรษฐกิจไทยเติบโตที่ 3.6-4%
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตรา 10-20% โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 78,000-84,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 292,000-318,000 ล้านบาท
Worse Case
เป็นกรณีที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ในครึ่งแรกของปี 2565 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอัตราที่ต่ำกว่า 3% ต่อปี ภาคการส่งออกเติบโตต่ำกว่า 5% จำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่า 5 ล้านคน และ เศรษฐกิจโลกเติบโตน้อยกว่า 3.6%
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ จะมีอัตราการเติบโต 5-10% โดยคาดว่า ผู้ประกอบการจะชะลอแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งแรกของปีมาอยู่ในครึ่งหลังของปี ทำให้จำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่อยู่ที่ 66,000-78,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 278,000-292,000 ล้านบาท
Worst Case
เป็นกรณีที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจโลก ภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตน้อยกว่า 2% ในปี 2565
ขณะที่ภาคอสังหาฯ มีอัตรการเติบโตอยู่ที่ 3-5% โดยคาดว่าจะมีจำนวนโครงการเปิดตัวใหม่ 60,000-66,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 273,000-278,000 ล้านบาท
สำหรับตลาดอสังหาฯ ปี 2565 นอกจากจะเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโอไมครอน ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว หลังจากการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ แล้วยังต้องเผชิญกับภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงแตะระดับ 90% ของ GDP และความระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน
ปัจจัยลบดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องปรับตัว และวางกลยุทธธุรกิจเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ซื้อที่จะได้ซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่เหมาะสม
นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับผลสำรวจการเปิดตัวโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลในปี 2564 พบว่า มีจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งสิ้น 55,863 หน่วย ปรับตัวลดลง 20%
ขณะที่มูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่คิดเป็นมูลค่า 265,558 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปี 2563 เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับจากปี 2562 ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว
การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2564 ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ทำให้อัตราการขายเฉลี่ยของการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2564 อยู่ที่ 17% จากจำนวนหน่วยที่เปิดขายทั้งหมด ลดลงจากอัตราการขายเฉลี่ยของการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2563 ที่มีอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 18%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- มีผลวันนี้!! ลดค่าจดทะเบียนโอน-จำนอง อสังหาฯ เหลือ 0.01% กระตุ้นการซื้อขาย
- โอไมครอน ปัจจัยเสี่ยงตลาดอสังหาฯ ปี 2565 หวังเปิดประเทศ-LTV หนุนโต 15-20%
- ถอดบทเรียน อสังหาฯ ปี 64 สู่ความท้าทายปี 65 ลุ้นมาตรการรัฐ-คุมโควิดหนุนฟื้น