สมาคมค้าปลีกไทย วอนรัฐอัดฉีด “ช้อปดีมีคืน” ด่วนจี๋ หวังปลุกมู้ดจับจ่ายไฮซีซั่น เผยผลคลายล็อก ดันดัชนีความเชื่อมั่นค้าปลีกเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 2 เท่า
นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ มีข้อเสนอต่อภาครัฐ โดยเฉพาะการเร่งฟื้นโครงการ “ช้อปดีมีคืน” อย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ กระตุ้นมู้ดการจับจ่ายในช่วงไฮซีซั่นให้กลับมาคึกคัก
นอกจากนี้ ภาครัฐควรใช้มาตรการทางภาษีเพื่อช่วยผู้ประกอบการ ด้านค่าใช้จ่ายทางสาธารณสุข นอกเหนือจากการลดหย่อนภาษี 1.5 เท่าของค่าใช้จ่าย ATK การสร้างความชัดเจนในการนำมาตรการ Covid Free Setting และ Universal Prevention เพื่อให้สามารถปฎิบัติได้ง่ายและมีขั้นตอนที่ชัดเจน และเร่งฉีดวัคซีนให้เข้าถึงประชาชนมากกว่า 70% ของประชากรทั้งหมด
ล่าสุด สมาคมฯ ได้จัดทำผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นค้าปลีกในเดือนกันยายน พบว่า ส่งสัญญาณที่ดีโตขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมในปีเดียวกัน เป็นผลจากมาตรการการผ่อนปรนให้เปิดกิจการและธุรกิจเพิ่มเติม ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์
การคลายล็อกครั้งล่าสุด ส่งผลให้ความถี่ในการจับจ่าย Frequency of Shopping เพิ่มมากขึ้น แต่ยอดการใช้จ่ายต่อครั้ง Spending per Basket เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และต้องการการกระตุ้นจากภาครัฐเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ
ประเด็นสำคัญดัชนีความเชื่อมั่นค้าปลีก
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก Retail Sentiment Index (RSI) เดือนกันยายน 2564 ปรับตัวดีขึ้นกว่า 2 เท่าอย่างชัดเจน จากที่ระดับ 25.0 ในเดือนสิงหาคม มาอยู่ที่ระดับ 59.0 ในเดือนกันยายน หลังการประกาศผ่อนคลายมาตรการฯ ของรัฐ
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก RSI ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ก็ปรับตัวดีจากระดับที่ 47.8 เดือนสิงหาคม มาอยู่ที่ระดับ 63.8 ในเดือนกันยายน ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 25%
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการต่อยอดขายเดิมเดือนกันยายน ดีขึ้นอย่างชัดเจนในทุกภูมิภาค และอยู่เหนือระดับค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 ยกเว้น ภาคเหนือ และภาคใต้ ซึ่งยังต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 ต่อเนื่องมานับจากเดือนพฤษภาคม เนื่องจากถูกผลกระทบจากการท่องเที่ยว ที่หดหาย และการเลื่อนการบินภายในประเทศ
- ดัชนีความเชื่อมั่น แยกตามประเภทร้านค้าปลีก มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกประเภทธุรกิจอย่างชัดเจน โดยเฉพาะร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ตกแต่ง ซ่อมบำรุง (Hard Line)
- ร้านค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อ ที่ดัชนีความเชื่อมั่นยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 เป็นผลจากมาตรการเคอร์ฟิว ส่งผลกระทบยอดขาย ในรอบดึกซึ่งมีสัดส่วนราว 35% ของยอดขายต่อวันหายไป รวมถึงมาตรการ WFH และการปิดสถานศึกษา ส่งผลให้ปริมาณลูกค้าลดน้อยลง
การประเมินผลกระทบต่อยอดขายและกำลังซื้อ จากมุมมองผู้ประกอบการ ในเดือนกันยายน
1. 68% ผู้ประกอบการคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 3 น่าจะหดตัวถึง 30% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
2. 57% ผู้ประกอบการระบุว่ายอดขายในไตรมาส 3 น่าจะลดลงมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของ ปีที่แล้ว
3. 73% ของผู้ประกอบการคาดว่า สถานการณ์จะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ซึ่งเป็นผลจากการกระจายวัคซีนให้กับประชาชนได้ตามเกณฑ์
4. 26% จะเปิดเป็นบางส่วนหรือปิดชั่วคราว แม้ว่าภาครัฐจะผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ก็ตาม
5. ปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจของในสถานการณ์ปัจจุบัน
- 83% มาตรการเคอร์ฟิวมีผลต่อยอดขายมาก
- 58% กำลังซื้อผู้บริโภคหดหาย ไม่ฟื้นตัวเร็ว
- 42% ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
- 33% มีบุคคลากรที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอีกมาก
- 33% ค่าใช้จ่ายตามประกาศ Covid Free Setting บานปลาย
- 6. 90% ไม่มีความมั่นใจในนโยบายที่ภาครัฐประกาศจะเปิดประเทศ 120 วัน
จะเห็นได้ว่ามาตรการผ่อนปรนฯ เป็นกุญแจสำคัญที่เรียกความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจกลับคืนมา และยังเป็น การสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ระบบค้าปลีกและบริการได้อย่างทันท่วงที
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรเร่งการกระจายการฉีดวัคซีน ให้ได้ 70% ของประชากรทั้งประเทศตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ เพื่อจะได้เปิดประเทศอย่างปลอดภัยและเร็วที่สุด
“อีกปัจจัยที่สำคัญ ที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของปีนี้ ผมขอเสนอให้นำมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้อย่างเร่งด่วน เพราะจะเป็นการอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ”นายฉัตรชัย กล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 2 สมาคมค้าปลีกฯ ลั่นมูฟออน หลังคลายล็อก วอนรัฐออกมาตรการกระตุ้นจับจ่ายปลายปี
- เปิดเมือง เปิดห้างปลอดภัย 1 กันยายน 2 สมาคมค้าปลีก ยกระดับป้องกันโควิดขั้นสูงสุด
- ขอผ่อนผันเร่งด่วน ชงเปิดห้าง ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านค้า 1 กันยานี้