“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เติมความมั่นใจนักลงทุนผ่านงานสัมมนา Forbes CEO Global Conference ชี้เศรษฐกิจโลกอาจหดตัวจากสงครามการค้า แต่ประเทศไทยวันนี้แข็งแกร่งมากพอที่จะก้าวข้ามความไม่มั่นคง พร้อมจับมือประเทศยักษ์ใหญ่ “จีน – ญี่ปุ่น – อินเดีย – CLMV” สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ
“ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศใหญ่ เราเป็นเพียงประเทศเล็ก ๆ ในเอเชียที่กำลังเร่งพัฒนาตนเองเพื่อยกระดับรายได้ และสร้างมาตรฐานชีวิตที่ดีให้กับประชาชนที่ส่วนใหญ่ยังยากจนอยู่มาก ในขณะเดียวกันก็พยายามปรับเปลี่ยนประเทศของเราให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคที่โลกก้าวเข้าสู่ดิจิทัล ซึ่งทุกท่านก็ทราบดีว่า Disruption ที่เกิดขึ้นขณะนี้ ใหญ่หลวงมาก และกระทบกับการดำเนินชีวิต การดำเนินธุรกิจในทุกภาคส่วนของเรา”
สำหรับพัฒนาการของประเทศไทยนั้น นายสมคิด ชี้ว่าในทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยเจอความท้าทายอย่างมากทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ จนอาจเรียกได้ว่าเป็น The Lost Decade อีกทั้งยังถูกมองว่าเป็นผู้ป่วยแห่งอาเซียน จากความขัดแย้งทางการเมืองที่กระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุน อย่างไรก็ดี ประเทศไทยในวันนี้ใช้เวลาน้อยมากในการกลับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งต้น ๆ ของภูมิภาค
“ประเทศไทยได้ใช้เวลาในช่วง 3 – 4 ปีให้หลัง ไม่เพียงแต่นำความสงบกลับมา และหยุดยั้งความถดถอยทางเศรษฐกิจได้สำเร็จ แต่เรายังได้วางรากฐานสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศในอนาคตด้วย”
“เราจะไม่พูดว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นแล้วหรือไม่ แต่ 3 ปีที่ผ่านมา จากที่ไทยเคยได้ชื่อว่าผู้ป่วยแห่งอาเซียน มีคนออกมาอยู่ตามถนนเต็มไปหมด สังคมวุ่นวาย จีดีพีต่ำกว่า 1% ภายใน 3 ปีเรากระโดดมาอยู่ตรงนี้แล้ว เราเป็นประเทศเดียวในไม่กี่ประเทศที่ได้รับการปรับระดับจีดีพีให้สูงขึ้นทั้งจาก IMF และจาก ADB เรามีหนี้สินต่างประเทศแค่ 40% ของจีดีพี เงินสำรอง 2 แสนล้านดอลลาร์ ดังนั้น หากดูในทุก Indicator เราเข้มแข็งมาก Ranking ต่าง ๆ เราดีขึ้นทุกตัว นี่คือสิ่งที่เราทำมา”
สำหรับความแข็งแกร่งที่นักลงทุนมองหานั้น นายสมคิดระบุว่าประเทศไทยมีหลายด้าน ยกตัวอย่างเช่น
- ที่ตั้งของประเทศที่อยู่ใจกลาง CLMVT และอาเซียน ซึ่งทำให้การขยายการลงทุนไปต่างประเทศทำได้สะดวก
- ทรัพยากรด้านการท่องเที่ยว
- การจับมือกับประเทศต่าง ๆ ทั้งจีน ญี่ปุ่น อินเดีย CLMV ที่ไทยมีความสัมพันธ์อันดี
- การสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เช่น รถไฟความเร็วสูง โครงการ One Belt One Road
- การสร้างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ต่อยอดความสำเร็จมาจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก
“สงครามการค้าทำให้หลายประเทศมองไทยเป็นทางออก อยู่ที่ประเทศไทยเองว่าจะสามารถทรานสฟอร์มตัวเองไปสู่อนาคตที่เป็นดิจิทัลได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเรามีคนอยู่ในภาคเกษตรกรรมถึง 20 ล้านคน โดยที่ไม่ใช้เทคโนโลยีเพิ่มมูลค่า ถ้าไม่แก้ไข จะเอาอะไรไปแข่งกับเขา ภาคการเกษตรไทยต้องเปลี่ยนแปลง รู้จักเพิ่มมูลค่าสินค้า ต้องเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในไทย และเราพยายามทำ โดยพาร์ทเนอร์กับทั้งจีน และญี่ปุ่นที่เขาจะลงมาช่วยเรา”
สุดท้ายนายสมคิดทิ้งท้ายด้วยว่า “นักลงทุนถามผมเยอะว่าแผนที่วางไว้จะสะดุดไหม ถ้ามีเลือกตั้ง มีรัฐบาลใหม่ ผมตอบไปว่าเรามีคณะกรรมการปฏิรูป คณะกรรมการยุทธศาสตร์ ถ้าคุณจะออกนอกทางต้องคุยกันยาว และผมมีลางสังหรณ์ว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปอาจจะหน้าตาคล้าย ๆ คนเดิม”
