กรมธนารักษ์ ตั้งเป้าเก็บรายได้เข้ารัฐปีนี้ 1 หมื่นล้าน เร่งจัดระเบียบใช้ที่ดินส่วนราชการ เข้มสัญญาเช่าที่รัฐวิสาหกิจ เดินหน้าโครงการ ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์ พร้อมขยายก่อสร้างที่อยู่อาศัย ของข้าราชการบนที่ราชพัสดุ ไม่ต่ำกว่า 1 พันยูนิต ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่าในปีงบประมาณที่ผ่านมา กรมธนารักษ์ได้ดำเนินโครงการของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในสังคม เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตด้านที่อยู่อาศัย และที่ทำกิน โดยแก้ปัญหาการบุกรุกที่ราชพัสดุ ด้วยการรับรองสิทธิด้วยการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุภายใต้ โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ช่วยให้คุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคมมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ตลอดจนเปิดตลาดชุมชนในพื้นที่แต่ละจังหวัด ผ่านโครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” สร้างโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ให้แก่ผู้ประกอบการในชุมชน และประชาชนในพื้นที่
สำหรับปีงบประมาณ 2564 กรมธนารักษ์เร่งดำเนินงานเพื่อจัดเก็บรายได้ตามเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้ เน้นการบริการจัดการในเชิงสังคมให้แก่ประชาชนและประเทศชาติ ดังนี้
ดำเนินการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุประมาณ 3 หมื่นราย กรมธนารักษ์ดำเนินการจัดให้เช่าแล้วเสร็จเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 มีประมาณเกือบ 10,000 ราย พร้อมแจกสัญญาเช่า ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ นครราชสีมา และเชียงใหม่ เป็นต้น เมื่อรัฐรับรองสิทธิการใช้ที่ดินของราชการ โดยสร้างประโยชน์ในที่ดินนั้นให้แก่ประชาชนแล้ว ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์เพื่ออยู่อาศัย ทำการเกษตรกรรม หรือประกอบกิจการต่างๆ ในที่ดินของรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
จัดเก็บรายได้เข้ารัฐไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยจะจัดระเบียบการใช้ที่ราชพัสดุ สำหรับหน่วยงานของราชการที่นำไปใช้ประโยชน์ เช่น การใช้พื้นที่เพื่อเชิงพาณิชย์ การเปิดเป็นร้านค้าสวัสดิการเชิงพาณิชย์ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานของราชการ รวมทั้งประชาชนและเอกชนที่นำที่ราชพัสดุ ได้รับการเช่าแล้วนำไปใช้ผิดประเภท เช่น เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย แล้วนำไปประกอบกิจการการค้า ต้องเสียค่าเช่าที่ราชพัสดุในอัตราที่สูงขึ้น
เร่งรัดการจัดเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจได้ใช้ประโยชน์อยู่ โดยจะพิจารณาว่ามีสัญญาเช่ากับรัฐวิสาหกิจต่างๆ มีการเก็บค่าเช่าเท่าไร และการใช้ประโยชน์แบบใด เพื่อนำมาประกอบการเก็บค่าเช่าให้เหมาะสม โดยจะเริ่มทำสัญญาเก็บค่าเช่าตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 เป็นต้นไป ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับโอน จากการยึดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตามคำสั่งศาล นำมาเปิดประมูลเพื่อให้เอกชน ประชาชนเข้ามาประมูลในระบบออนไลน์ โดยร่วมกับ บมจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) คาดว่าจะเปิดประมูลให้กับผู้สนใจได้ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564
การดำเนินการเปิดประมูลที่ดินราชพัสดุในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ พื้นที่จังหวัดตาก หนองคาย และมุกดาหาร เป็นต้น การเปิดประมูลสนามกอล์ฟบางพระ จังหวัดชลบุรี การเร่งรัดสัญญาร่วมดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา การเปิดประมูลที่ดินราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ทั่วประเทศ เพื่อนำมาหารายได้เข้ารัฐ ซึ่งบางพื้นที่เป็นพื้นที่ใจกลางเมือง อาทิ สุขุมวิท สีลม หรือในต่างจังหวัด เช่น จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เชียงราย เชียงใหม่ และนครสวรรค์ เป็นต้น และมุ่งเน้นการติดตามค่าเช่าที่ราชพัสดุทั่วประเทศไม่ให้คงค้าง เพื่อสามารถสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเข้ารัฐให้เพิ่มขึ้นด้วย
นายยุทธนา กล่าวเพิ่มเติมว่าในส่วนของนโยบายในเชิงสังคม เพื่อสนับสนุนให้ประชาชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสังคม โดยรวมมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยเน้นสังคมผู้สูงอายุ ดังนี้
โครงการ “ที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์” บนที่ราชพัสดุ จังหวัดสมุทรปราการ กรมธนารักษ์ร่วมมือ กับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โดยจะดำเนินการจับสลากบัญชีรายชื่อผู้ได้รับสิทธิและบัญชีรายชื่อสำรอง ในวันที่ 15 มกราคม 2564 และจะดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือนเมษายน 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2565
ขยายการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ของข้าราชการพลเรือนทุกประเภทบนที่ราชพัสดุ ไม่ต่ำกว่า 1 พันยูนิต สำหรับพื้นที่ในกรุงเทพฯ ได้แก่ แปลงพระโขนง และแปลงยานนาวา สำหรับในจังหวัดต่างๆ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย นครนายก อุบลราชธานี อุดรธานี สงขลา สุราษฎร์ธานี ยะลา ปัตตานี ประจวบคีรีขันธ์ นนทบุรี นครราชสีมา และจันทบุรี ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัยให้กับบุคลากรดังกล่าวด้วย
การสำรวจบ้านทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในพื้นที่ของส่วนราชการ มีอยู่ประมาณ 95 แห่ง ทั่วประเทศ มาทำประโยชน์ในเชิงพาณิชย์โดยอาจให้เอกชนเข้ามาประมูลเพื่อทำประโยชน์ ตลอดจนเพื่อการท่องเที่ยวในชุมชนนั้นๆ และยังช่วยเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยต้นเดือนกุมภาพันธ์จะดำเนินการเปิดประมูลบ้านขุนพิทักษ์บริหาร หรือบ้านเขียว อยุธยา และบ้านพายัพ ซอยสามเสน 5 กรุงเทพฯ
โครงการ “เปลี่ยนชุมชนเป็นห้องประชุมในที่ราชพัสดุ” ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง กรมธนารักษ์จะสานต่อโครงการดังกล่าว เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน และช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจฐานรากในชุมชนต่างๆ แข็งแกร่งมากขึ้น ยังมุ่งเน้นการจัดหาที่ราชพัสดุให้กับรัฐวิสาหกิจชุมชน และกองทุนหมู่บ้านในชุมชนเช่า เพื่อให้มีพื้นที่ในการสร้างรายได้ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจฐานราก และคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน
โดยปีงบประมาณ 2564 กรมธนารักษ์จะนำที่ราชพัสดุทั้งหมด 12.6 ล้านไร่ อยู่ในการครอบครองดูแลของหน่วยงานราชการต่างๆ โดยจะนำที่ราชพัสดุ มาบริหารจัดการเองเพิ่มขึ้นเป็น 10% ทำให้กรมธนารักษ์มีรายได้จากค่าเช่าที่ดินเพิ่มขึ้น จะเป็นผลดีที่ทำให้กรมธนารักษ์จัดเก็บรายได้เข้ารัฐได้สูงขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ตอบทุกข้อสงสัย! ลดเงินสมทบ ‘ประกันสังคม’ ม.ค.-มี.ค. 64 ต้องทำยังไงบ้าง?
- ‘เฉลิมชัย’ เตรียมพร้อม ‘เยียวยาเกษตรกร’ 7 ล้านคน รอฟังสัญญาณจากรัฐบาล
- ฟรี 70 ล้านโดส! นายกฯเปิดไทม์ไลน์ ฉีดวัคซีนป้องโควิดให้คนไทย
