Business

บัดเจ็ทโฮเทล กระทบช้า-ฟื้นเร็ว ‘ดิ เอราวัณ กรุ๊ป’ ชูฮ็อป อินน์ รุกเที่ยวในประเทศ

บัดเจ็ทโฮเทล ฟิ้นตัวเร็ว “ดิ เอราวัณ กรุ๊ป” ดันแบรนด์โรงแรมฮ็อป อินน์ ชิงส่วนแบ่งตลาด พร้อมทะยอยเปิดโรงแรมในเครือครบทุกแห่ง สิงหาคมนี้

นายเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมในประเทศ กำลังฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น และพบว่า นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์ การแพร่ระบาด จนกระทั่งเริ่มมีการผ่อนคลาย โรงแรมกลุ่ม บัดเจ็ท โฮเทล อย่างโรงแรใฮ็อป อินน์ เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบช้าที่สุด และสามารถฟื้นตัวได้เร็วที่สุด

บัดเจ็ทโฮเทล

 

ดังนั้น ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จึงวางเป้าหมาย ดันแบรนด์โรงแรม ฮ็อป อินน์ ชิงส่วนแบ่งตลาดโรงแรมในกลุ่ม บัดเจ็ท โฮเทล พร้อมชูมาตรฐานด้านสุขอนามัย และความปลอดภัยขั้นสูง และมาตรฐานการให้บริการคุณภาพเป็นจุดขาย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างความเติบโตให้แก่บริษัทฯ ต่อไปในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจ ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ภายหลังจากการเปิดโรงแรม ฮ็อป อินน์ บริษัท ได้ยกระดับมาตรฐานด้านความสะอาด และความปลอดภัย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “SafeStay at HOP INN” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า

ทั้งนี้ บริษัทได้กลับมาเปิดให้บริการ กลุ่มโรงแรมฮ็อป อินน์ ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นแบรนด์ของบริษัทที่ได้เริ่มการพัฒนามาตั้งแต่ปี  2557 เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพในการเติบโต และเป็นตลาดที่เน้นกลุ่มลูกค้าในประเทศส่งผลให้มีความผันผวนน้อยนั้นมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก

“ในระยะแรก หลังการกลับมาเปิดให้บริการ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มนักเดินทางชาวไทย พร้อมคาดการณ์ตลาดท่องเที่ยวว่ากลุ่มลูกค้าและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ”นายเพชร กล่าว

HOP INN 02

การฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยว จะเริ่มจากการเดินทางระยะใกล้จากนักท่องเที่ยว ในเอเชีย ตามด้วยยุโรปและสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับมาตรการจำกัดการเดินทางของรัฐบาลไทยและต่างประเทศ ซึ่งในส่วนของบริษัท ได้เริ่มทยอยเปิดโรงแรมในทุกระดับเพิ่มเติมทั้งระดับ 5 ดาว ระดับกลางและระดับประหยัดเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งในกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศ

ดังนั้น ในระยะถัดไป บริษัทจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการโรงแรมอื่นๆ โดยในเดือนมิถุนายน ได้เปิดให้บริการโรงแรม “เมอร์เคียว” และ “ไอบิส” ในพัทยา และโรงแรม “ไอบิส หัวหิน” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และในเดือนกรกฎาคมนี้ ได้เริ่มเปิดให้บริการโรงแรมในระดับห้าดาว ได้แก่ “แกรนด์ ไฮแอท” และ “เจดับบลิว แมริออท” ในกรุงเทพฯ

พร้อมกันนี้ ได้กลับมาเปิดให้บริการ โรงแรมขนาดกลาง ได้แก่ “ฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา” ตามด้วยกลุ่มโรงแรมราคาประหยัดได้แก่ “ไอบิส สาทร” และ “ไอบิส ริเวอร์ไซด์” และหลังจากนี้ในเดือนสิงหาคม คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการโรงแรมครบทุกแห่งในประเทศไทย รวมทั้งโรงแรม “ฮ็อป อินน์” ที่อยู่ในฟิลิปปินส์ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกจะเน้นกลุ่มลูกค้าในประเทศเป็นหลัก และให้ความสำคัญกับตลาดการท่องเที่ยวในประเทศ และทำการตลาด ผ่านช่องทางต่างๆ อย่างเข้มข้น รวมถึงสนับสนุนแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อดึงดูดให้คนไทยออกมาใช้จ่ายด้านการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ อันจะส่งผลถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศต่อไป

SafeStay at HOP INN

“การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศระยะทางสั้นจะเริ่มฟื้นตัว ในขณะที่การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศระยะไกลเช่น ยุโรปและสหรัฐฯ จะตามมาภายหลัง ขึ้นอยู่กับมาตรการจำกัดการเดินทางของแต่ละประเทศ ซึ่งโรงแรมทุกแห่งของบริษัทฯ ได้ยกระดับมาตรการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยขั้นสูงไว้รองรับเพื่อสร้างความอุ่นใจแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ”นายเพชร กล่าว

สำหรับในช่วงวิกฤตการณ์ที่ผ่านมา ดิ เอราวัณ กรุ๊ป สามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที เพื่อรับมือและบริหารจัดการผลกระทบ จากวิกฤติที่เกิดขึ้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการบริหารความเสี่ยง มาตรการควบคุมต้นทุน ผ่านการลดค่าใช้จ่าย ในการดำเนินกิจการ การปิดบริการโรงแรมเป็นการชั่วคราว และการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น

จากการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้บริษัท สามารถลดต้นทุนการดำเนินงานในภาพรวม ไปได้ราว 60% และการรักษาสภาพคล่องทางการเงิน การใช้มาตรฐานขั้นสูงในด้านสุขอนามัยและความสะอาด และการศึกษาแนวโน้มการฟื้นตัวและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค

ทั้งนี้ ด้วยมาตรการทางสาธารณสุขของรัฐบาลไทยที่มีประสิทธิภาพ และได้รับความร่วมมือ จากทุกภาคส่วน ทำให้เล็งเห็นถึงโอกาส ในการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในอนาคต โดย ดิ เอราวัณ กรุ๊ป ยังคงเชื่อมั่นในความเข้มแข็ง และศักยภาพด้านการเติบโต ทั้งของการท่องเที่ยวตลาดไทย และฟิลิปปินส์ในระยะยาว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo