Business

กรุงไทย เปิด 4 ปัจจัยหลัก ขับเคลื่อนท่องเที่ยวไทย แนะ 3 ข้อหนุนฟื้นตัวเร็วขึ้น

Krungthai COMPASS เชื่อมั่นท่องเที่ยวไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง เผย 4 ปัจจัยหลักขับเคลื่อนสำคัญ พร้อมแนะสร้างกระแสท่องเที่ยวตลอดปี ดึงคนไทยเที่ยวซ้ำ ยกระดับความปลอดภัยนักท่องเที่ยวต่างชาติ

Krungthai COMPASS สรุปภาพรวมภาคท่องเที่ยวไทยปี 2566 พร้อมประเมินสถานการณ์ปี 2567 โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 28.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 154% จากปี 2565 และนักท่องเที่ยวไทยกว่า 249 ล้านคน สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยรวม 2.17 ล้านล้านบาท แต่รายได้จากการท่องเที่ยวยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ ททท. วางไว้ที่ 2.38 ล้านล้านบาท ราว 8.7%

Krungthai COMPASS

มาเลเซียเที่ยวไทยมากสุด นักท่องเที่ยวจีนยังฟื้นตัวช้า

ในปี 2566 ภาคการท่องเที่ยวไทยได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียนเป็นหลัก โดยเฉพาะมาเลเซียที่มีจำนวนมากที่สุดถึง 4.6 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวจีน ยังฟื้นตัวได้เพียง 32% โดยนักท่องเที่ยวมาเลเซียกลับมาสูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียนก็มีระดับการฟื้นตัวที่ค่อนข้างดี

ในส่วนของนักท่องเที่ยวจีนแม้จะมีจำนวนสูงสุดเป็นอับดับ 2 ที่ 3.5 ล้านคน แต่ยังฟื้นตัวได้เพียง 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่เคยมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสูงถึง 11.1 ล้านคน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนที่ขยายตัวได้ต่ำลง รวมถึงวิกฤตจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวชาวจีน ขณะที่รัฐบาลจีนได้มีการกระตุ้นให้คนจีนท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น

198025 0

อัตราเข้าพัก-ราคาห้องพักปรับตัวดีขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายต่อคนยังไม่เพิ่ม

ในปี 2566 อัตราการเข้าพักของธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยอยู่ที่ 69.3% กลับมาใกล้เคียงปี 2562 แล้ว ขณะที่ราคาห้องพักที่ขายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 1,488บาทต่อห้อง คิดเป็นการฟื้นตัวราว 86% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายต่อคนโดยรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 46,713 บาท ต่ำกว่าปี 2562 อยู่ราว 2.5% ขณะที่นักท่องเที่ยวไทย มีการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนในปี 2566 อยู่ที่ 3,448 บาท ต่ำกว่าปี 2562 ที่อยู่ในระดับ 4,724 บาท

ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า จากราคาห้องพักที่มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จึงเป็นไปได้ที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวไทยที่ลดลง อาจมาจากค่าใช้จ่ายในด้านอื่นๆ เช่น ค่าอาหาร ค่าซื้อสินค้า เป็นต้น

198027 0

คาดปี 2567 ท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง

Krungthai COMPASS ประเมินว่า ในปี 2567 ภาคการท่องเที่ยวไทยยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 34 ล้านคน หรือฟื้นตัวราว 85% เมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19 (ปี 2562) โดยนักท่องเที่ยวหลัก เช่น กลุ่มอาเซียน อินเดีย รัสเซีย รวมถึงกลุ่มยุโรป จะฟื้นตัวได้ในระดับใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว

ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นตลาดหลักจะยังฟื้นตัวได้ราว 63% เมื่อเทียบปี 2562 จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนที่คาดว่ายังเติบโตได้ค่อนข้างช้า และยังถูกซ้ำเติมจากวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อและการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีน

ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวไทยคาดว่าจะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการที่คนไทยสามารถปรับตัวอยู่กับโควิด-19 ได้แล้ว ทำให้กลับมาเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมมูลค่าตลาดการท่องเที่ยวทั้งปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.52 ล้านล้านบาท หรือฟื้นตัวราว 84% เมื่อเทียบกับปี 2562

นอกจากนี้ในปี 2568 คาดว่าภาคการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวกลับมาใกล้เคียงระดับปกติ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะอยู่ที่ 38.5 ล้านคน ทั้งนี้ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมจะขยายตัวขึ้นมาแตะที่ระดับ 3.2 ล้านคนต่อเดือน รวมถึงนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ จะมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปี 2568 จะฟื้นตัวได้ราว 87% เมื่อเทียบกับปี 2562 ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ไม่รวมจีน) จะกลับมาเท่าระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว

ทางด้านจำนวนนักท่องเที่ยวไทยจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องราว 2-3% จากสถานการณ์โดยรวมที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้มูลค่าตลาดการท่องเที่ยวในปี 2568 จะมีมูลค่าราว 2.92 ล้านล้านบาท หรือฟื้นตัวได้ราว 98% เมื่อเทียบกับปี 2562

198028 0

เปิด 4 ปัจจัยหนุนนักท่องเที่ยวเข้าไทยเท่าก่อนโควิด-19

Krungthai COMPASS ประเมิน 4 ปัจจัยหนุนหลัก ที่ทำให้ภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง ได้แก่

1. ความต้องการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง

ข้อมูลล่าสุดขององค์การท่องเที่ยวโลก (UNWTO) ชี้ให้เห็นว่า จำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกในปี 2566 ฟื้นตัวได้ราว 90% เมื่อเทียบกับปี 2562 และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการของนักท่องเที่ยวหลายประเทศทั่วโลกที่อยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ สอดคล้องกับข้อมูลจากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (PATA) ที่ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2567-2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในกลุ่มประเทศ Asia Pacific หรือ APAC จะขยายตัวขึ้นมาแตะที่ระดับ 728 และ 788 ล้านคน ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ราว 6-15%

ขณะเดียวกันข้อมูลจากสื่อต่าง ๆ ยังชี้ว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ โดยไทยติดอันดับที่ 29 จาก 87 ประเทศ และอยู่ในอันดับ 5 ของเอเชีย จากการจัดอันดับภาพรวมประเทศที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2566 โดย U.S. News & World Report

198029 0

2. การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนที่มีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

จีนยังเป็นความหวังสำคัญของภาคการท่องเที่ยวไทย และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น ภาครัฐจึงได้ออกมาตรการวีซ่า-ฟรี ให้แก่นักท่องเที่ยวจีนเป็นการถาวร เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ส่งผลให้ยอดค้นหาคำว่า ประเทศไทย บนแพลตฟอร์มของซีทริป กรุ๊ป เพิ่มขึ้นกว่า 90% ขณะที่ยอดค้นหาเที่ยวบินเส้นทางเซี่ยงไฮ้-กรุงเทพฯ และปักกิ่ง-กรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นกว่า 40%

อย่างไรก็ดี น่าสังเกตว่าแม้คนจีนจะมีแนวโน้มเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น แต่การฟื้นตัวยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ค่อนข้างมาก เนื่องจากยังมีแนวโน้มถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนที่ชะลอตัว และปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ ขณะที่ชาวจีนบางส่วนยังมีความกังวลจากข่าวเชิงลบ โดยเฉพาะประเด็นความไม่ปลอดภัย

Krungthai COMPASS ประเมินว่า ภาพรวมนักท่องเที่ยวจีนจะทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไปจาก 3.5 ล้านคน ในปี 2566 มาอยู่ที่ระดับ 7.0 ล้านคน และ 9.6 ล้านคน ในปี 2567-2568 หรือฟื้นตัวราว 63-87% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2562

3. อุตสาหกรรมการบินมีแนวโน้มฟื้นตัวเพียงพอที่จะรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเติบโตขึ้นในปี 2567-2568

สมาคมผู้ประกอบการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดการณ์ว่าในปี 2567 ปริมาณผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศของไทยจะกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับปี 2562 สอดรับกับข้อมูลของ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) ที่ประเมินว่า จำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นเป็น 120-130 ล้านคน ซึ่งกลับไปอยู่ระดับใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดโควิด-19 แล้ว โดย Krungthai COMPASS ประเมินว่าจำนวนเที่ยวบินโดยรวมในปี 2567-2568 จะฟื้นตัวได้ราว 90-101% เมื่อเทียบกับปี 2562

นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวไทยยังมีโอกาสได้รับอานิสงส์เพิ่มเติมจากนโยบายเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานและการขนส่งทางอากาศ ทั้งจากการเร่งจัดสรรเวลาการบิน (Slot) เพิ่มขึ้น 15% ต่อสัปดาห์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น การสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันออก ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น การก่อสร้างท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 และท่าอากาศยานพังงา หรือภูเก็ตแห่งที่ 2 เป็นต้น

198030 0

4. มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐที่มีอย่างต่อเนื่อง จะช่วยหนุนให้ภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ที่ผ่านมาภาครัฐมีการออกนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรการยกเว้นวีซ่า (Visa Free) สำหรับชาวจีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน รวมทั้งมาตรการขยายระยะเวลายกเว้นการตรวจลงตราให้นักท่องเที่ยวรัสเซียสามารถพำนักในไทยได้สูงสุดจากเดิม 30 วัน เป็น 90 วัน อีกทั้งยังมีมาตรการขยายเวลาให้บริการของสถานประกอบการได้ถึงตี 4 ในเขตพื้นที่นำร่อง ซึ่งจะมีส่วนช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีระยะเวลาพำนักในประเทศไทยนานขึ้น

นอกจากนี้ ภาครัฐอาจพิจารณานโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศคู่แข่งที่น่าสนใจ อาทิ ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของไทยเพิ่มเติม โดยเรามองว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่าง ๆ จากภาครัฐ จะมีส่วนช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2567-2568

Krungthai COMPASS ประเมินว่าจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยมในภาคใต้ เช่น ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ จะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปี 2567-2568 ตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์จีน

198031 0

3 ข้อเสนอแนะดันท่องเที่ยวไทยฟื้นต่อเนื่อง

1. กระตุ้นให้เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวตลอดทั้งปี เพื่ออุดช่องว่างช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว โดยในช่วง Low season ควรมีการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวที่มีความแตกต่างจากในช่วงเวลาปกติ พร้อมทั้งผลักดัน Soft Power ของไทยให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น

2. จูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางกลับมาเที่ยวไทยซ้ำ โดยอาจนำจุดเด่นด้านกิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย มาสร้างแลนด์มาร์คใหม่ ๆ ในจังหวัดเมืองรอง ก็จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวไทยมีการกระจายรายได้ที่ทั่วถึงมากขึ้น และยังช่วยลดการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยวในจังหวัดท่องเที่ยวหลักลงได้

นอกจากนี้ ภาครัฐอาจมีมาตรการจูงใจโดยการให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยมากกว่า 1 ครั้ง จะช่วยเร่งให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น

3. ยกระดับความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภาพลักษณ์เรื่องความปลอดภัยของประเทศไทย ยังเป็นจุดอ่อนสำคัญของการท่องเที่ยวไทย ดังนั้น การวางมาตรการและสร้างระบบด้านความปลอดภัย เช่น ตั้งศูนย์ดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ระบบแจ้งเตือน Emergency Alert รวมถึงจัดทำคอนเทนต์นำเสนอผ่าน Social Media เพื่อสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลความปลอดภัย จึงเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo