“IRPC” เปิดยุทธศาสตร์สร้างทางโต สู้ราคาน้ำมันผันผวนสูง เดินหน้ายกระดับเพิ่มมูลค่าธุรกิจหลัก ต่อยอดสู่ 5 ธุรกิจใหม่ สร้างทางโตยอดขาย-กำไร คาด 5 ปีธุรกิจใหม่สร้างสัดส่วนรายได้ 15%
นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นจากการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์ก็คาม
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ตัวเลข GDP ของไทยในปี 2567 จะเติบโตได้เพียง 2.5% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังคงมีปัญหา ตลาดหลักซบเซา โดยเฉพาะจีนที่ยังต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี ราคาน้ำมันยังคงผันผวนต่อเนื่อง ขณะที่เศรษฐกิจไทยเอง คาดว่าตลาดส่งออกยังไม่ฟื้นตัว ทำให้มีเพียงภาคธุรกิจท่องเที่ยวเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า
จากสถานการณ์และปัจจัยทั้งในและต่างประเทศที่ท้าทายและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บริษัทฯ ได้วางแผนกลยุทธ์ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง โดยเพิ่มประสิทธิภาพเสริมขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขัน ที่ยึดหลักสร้างความแข็งแกร่งต่อยอดจากธุรกิจหลักปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ท่าเรือ และอสังหาริมทรัพย์ ขยายการลงทุนไปในกลุ่มธุรกิจใหม่ ด้วยมาตรการควบคุมภายในและสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง
ยกระดับธุรกิจหลักสู่ธุรกิจใหม่
นายกฤษณ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์จะมุ่งเป้าไปยัง 5 ธุรกิจแห่งอนาคต ประกอบด้วย
1. Health&Life Science เช่น อุปกรณ์กรอง ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ชุดกาวน์ ชุด PPE อุปกรณ์กรองน้ำ และอื่นๆ ที่เติบโตตามแนวโน้มของมลภาวะที่เพิ่มสูงขึ้น และการรักสุขภาพของผู้บริโภคในปัจจุบัน
2. Advanced Meterials วัสดุที่ใช้ในเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การผลิตลิเธียม ซึ่งเป็นวัสดุต้นน้ำของรถพลังงานไฟฟ้า และแบตเตอรี เป็นต้น
3. Green&Circular ธุรกิจรีไซเคิล โดยเฉพาะการรีไซเคิลพลาสติก PP ที่ปัจจุบันมีปริมาณการใช้ถึงปีละ 1.4 ล้านตัน แต่ยังไม่มีการนำกลับมารีไซเคิลเพื่อใช้ใหม่ โดยขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องเทคโนโลยีการรีไซเคิล เพื่อนำมารีไซเคิลพลาสติก PP ให้ได้อย่างน้อย 2 แสนตันต่อปี
4. Future Energy ที่จะเดินหน้าต่อยอดโซลาร์ลอยน้ำที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไปยังสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงโซลาร์รูฟ ที่จะเริ่มเดินหน้าโครงการนับจากนี้
5. Asset&Service ปัจจุบัน IRPC นับเป็นบริษัทที่มีสินทรัพย์เป็นที่ดินกว่าหมื่นไร่ มากเป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย ดังนั้น จึงมองการพัฒนาที่ดินเพื่อสร้างรายได้มากขึ้น
ต่อยอดธุรกิจหลักสร้างความแข็งแกร่ง
นายกฤษณ์ กล่าวว่า จากเป้าหมายที่จะมุ่งไปยัง 5 กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ ด้วยการต่อยอดจากธุรกิจเดิมที่มีอยู่ ปัจจุบันบริษัทฯ ได้เริ่มเดินหน้าแล้วหลายโครงการ ดังนี้
ธุรกิจปิโตรเลียม (Domestic first)
1. ขยายระบบโลจิสติกส์ขนส่งน้ำมันทางท่อ โดยขยายคลังน้ำมันแห่งใหม่ที่ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยระบบขนส่งน้ำมันทางท่อความยาว 99 กิโลเมตร ร่วมกับ บริษัท กรุงเทพขนส่งเชื้อเพลิงทางท่อและโลจิสติกส์ จำกัด หรือ BFPL เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานภาคขนส่งในภาคกลางและภาคเหนือ ช้วยให้การดำเนินงาน และการกระจายสินค้ามีประสิทธิภาพ ประหยัดค่าใช้จ่ายและระยะเวลา
2. โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและคุณภาพน้ำมันดีเซล ยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project หรือ UCF) มีความพร้อมผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร 5 หรือน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถันต่ำ สามารถผลิตเชิงพาณิชย์ภายใน 1 มกราคม 2567 ตามนโยบายของภาครัฐ ช่วยสร้างมูลค่าและรายได้เพิ่มให้กับบริษัทฯ
ธุรกิจปิโตรเคมี (Specialty Boost)
ยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ POLIMAXX ได้แก่
1. เม็ดพลาสติกพีพี เมลต์โบลน (PP Melt Blown) สำหรับผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ทางการแพทยฺ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยที่มีคุณภาพ เช่น หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ชุดกาวน์ ชุด PPE ผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงแผ่นกรองต่าง ๆ
2. เม็ดพลาสติก พีพีอาร์ (PPR: PP random copolymer pipe) มีคุณสมบัติที่แข็งแรงทนต่อแรงขีดข่วนและแรงดัน ทนต่อสารเคมีได้มากกว่าท่อน้ำประปาทั่วไป มีความปลอดภัยสูง ผลิตจากเทคโนโลยีแบบไร้สารทาเลต (Non Phthalate) เหมาะสำหรับผลิตท่อน้ำร้อนน้ำเย็นในครัวเรือนและในโรงงานอุตสาหกรรม
3. เม็ดพลาสติก HDPE 100-RC สำหรับผลิตท่ออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีคุณสมบัติทนแรงกระแทกได้ดีมาก มีอายุการใช้งานนานกว่า 100 ปี ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาก่อสร้าง
ธุรกิจท่าเรือและอสังหาริมทรัพย์ (Maximize Infrastructure & Asset Utilization)
บริษัทฯ มีความพร้อมให้บริการท่เทียบเรือน้ำลึก เพื่อขนถ่ายสินค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รองรับการขนส่งของแต่ละภูมิภาค ได้แก่ ท่าเรือคอนเทนเนอร์และสินค้าทั่วไป (Bulk & Container Terminal) ท่าเรือปิโตรเคมีและปิโตรเลียมเหลว
(Liquid & Chemical Terminal)
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาพื้นที่ให้เป็นที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรม พร้อมสนับสนุน
การขยายตัวของภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรม รองรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor. EEC) รวมถึงโครงการตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐและเอกชน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
- โครงการเขตประกอบการอุตสาหกรรม ไออาร์พีซี จังหวัดระยอง
- โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอซเอ อินดัสเตรียลเอสเตท ระยอง (WHAIER) อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง
- ที่ดินพื้นที่อื่นๆ ที่มีศักยภาพในพื้นที่ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
รุกขยายพอร์ตลงทุนใหม่ (Step up and beyond)
- ธุรกิจโรงพยาบาลและที่พักเพื่อสุขภาพ (Health & Wellness) โดยขยายการลงทุนร่วมกับโรงพยาบาลบางปะกอกและโรงพยาบาลปิยะเวท ศึกษาการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลและที่พักเพื่อสุขภาพ ในพื้นที่ศักยภาพของบริษัทฯ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพประชาชนในพื้นที่ จังหวัดระยอง และจังหวัดใกล้เดียง คาดว่าจะใช้พื้นที่กว่า 20 ไร่
- ธุรกิจสีและสารเคลือบ (Paint & Coating) ร่วมกับ บริษัท เบเยอร์ จำกัด พัฒนาผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบมาตรฐานโลกเป็นครั้งแรกของประเทศ ด้วยส่วนผสม Polytetrafluoroethylene (PTFE) ที่มีคุณสมบัติพิเศษมีความทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรง ช่วยยืดอายุการใช้งานโครงสร้างเหล็กถึงสามเท่า เพื่อใช้เคลือบโครงสร้างเหล็กในโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมีสนามบิน ท่าเรือและสะพาน เป็นต้น
- ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยและอาหารเสริมพืช ปุ๋ยหมีขาว ภายใต้เครื่องหมายการค้า REINFOXX เพิ่มอีก 4 สูตร เพื่อให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้ ต่อผลิตผสและสิ่งแวดล้อม โดยได้ขยายตลาดในประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้เกษตรกรไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ในภาวะที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน ธุรกิจหลักอย่างปิโตรเคมียังคงไม่ฟื้นตัว และมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้บริษัทฯ ยังคงดำเนินนโยบายธุรกิจแบบระมัดระวัง เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ลดตันทุนพลังงาน รวมถึงลดค่าใช้จ่าย โดยวางเป้าหมายลดต้นทุนให้ได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทแล้ว
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดขยายกำลังการผลิตโครงการโซลาร์ลอยน้ำหรือ Floating Solar เพิ่มขึ้นอีก 8.5 เมกะวัตต์ และบูรณาการความยั่งยืนเข้าไปในธุรกิจ มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% ปี 2573 รวมทั้งบรรลุความเป็น
กลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ปี 2593 และลดการปล่อยก๊ซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ปี 2603 เร็วกว่าเป้าหมายของประเทศที่ตั้งเป้าบรรลุในปี 2608
อ่านข่่าวเพิ่มเติม
- IRPC คว้ารางวัลด้านความยั่งยืน ‘Sustainability Awards of Honor’ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
- IRPC ผนึก PTT RAiSE ร่วมขยายตลาดให้บริการ ‘ด้านซอฟต์แวร์และดิจิทัล’
- ‘IRPC’ เปิดรายได้ไตรมาส 3/2566 พลิกทำกำไร 2.4 พันล้าน แตกไลน์ลงทุนธุรกิจ ‘โรงพยาบาล-ที่พักเพื่อสุขภาพ’