สายเดินทางต้องรู้! ซื้อ “ตั๋วเครื่องบิน” ช่วงไหนราคาถูก? ทำไมตั๋วราคาถูก-แพง ไม่เท่ากันในบางช่วง
คุณรู้หรือไม่ ? ทำไมตั๋วเครื่องบินมีราคาถูก-แพงในบางช่วง
การจองตั๋วเครื่องบินแต่ละครั้ง หลาย ๆ คนอาจใช้เวลานานเพื่อหาราคาบัตรโดยสารเครื่องบินที่รู้สึกว่าคุ้มค่ามากที่สุด ยิ่งจองตั๋วล่วงหน้านานเท่าไร ยิ่งได้ตั๋วราคาประหยัด หรือถ้าตัดสินใจช้าเพียงเล็กน้อย ก็อาจได้ราคาตั๋วที่เพิ่มสูงขึ้นเท่าตัว เรียกได้ว่าราคาบัตรโดยสารเครื่องบินขยับขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ตลอดเวลา แล้วอะไรคือเหตุผลที่ทำให้บัตรโดยสารเครื่องบิน ใน 1 เที่ยว มีราคาแตกต่างกัน ? เรื่องนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) มีคำตอบ
“ตั๋วเครื่องบิน” ถูกกำหนดราคาด้วยหลัก “Dynamic Pricing” คือการตั้งราคาแบบยืดหยุ่นตามความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยราคาสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่าง ๆ โดยเฉพาะปริมาณความต้องการเดินทางของผู้โดยสารในแต่ละช่วงเวลา และระดับการแข่งขันของสายการบินในเส้นทางต่าง ๆ ซึ่งจะนำปัจจัยเหล่านี้มาพิจารณาร่วมกับ “ต้นทุนการให้บริการ” ก่อนกำหนดเป็นราคาตั๋วแต่ละที่นั่ง
ราคาตั๋วขยับตามความต้องการและต้นทุน
โดยใน 1 เที่ยวบินจะมีราคาตั๋วที่แตกต่างกัน ไล่ระดับราคาเป็นขั้นบันได หรือที่เรียกว่า “Fare Class” โดยราคาตั๋วจะมีกี่ระดับขึ้นอยู่กับการบริหารรายได้ (Revenue Management) ของแต่ละสายการบิน
ซึ่งสายการบินมักส่งเสริมการขาย ด้วยการปล่อยตั๋วโปรโมชันที่มีราคาถูกออกมาก่อน แต่ตั๋วราคานี้จะมีจำนวนจำกัด เมื่อตั๋วราคาถูกขายหมดไป ราคาตั๋วก็จะขยับสูงขึ้นตามระดับความต้องการซื้อและต้นทุนค่าบริการที่สายการบินตั้งไว้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การจองบัตรโดยสารเครื่องบินในระยะเวลากระชั้นชิดกับวันที่ต้องการเดินทาง มักจะเหลือตั๋วราคาแพง
ในขณะเดียวกัน กลไก Fare Class นี้เองก็ทำให้สายการบินสามารถตั้งราคาตั๋วโดยสารได้หลายระดับ ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้มากขึ้น
2 กลุ่มผู้โดยสาร ตามพฤติกรรมการซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน
จากพฤติกรรมการซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน สามารถแบ่งกลุ่มผู้โดยสารออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ
- กลุ่มแรกเรียกว่า “Leisure Travelers” คือกลุ่มผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว ผู้โดยสารกลุ่มนี้จะมีความอ่อนไหวต่อราคาตั๋วและมักจะวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเพื่อซื้อตั๋วราคาถูก
- กลุ่มที่สองคือกลุ่ม “Business Travelers” คือกลุ่มผู้โดยสารที่เดินทางเพื่อทำธุรกิจหรือทำงาน ผู้โดยสารกลุ่มนี้จะซื้อตั๋วก่อนเดินทางไม่นาน มักต้องการตั๋วที่มีความยืดหยุ่น เช่น สามารถเปลี่ยนแปลงวันเดินทางได้ สามารถยกเลิกการเดินทางได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เป็นต้น ซึ่งตั๋วที่มีราคาสูงจะตอบโจทย์ผู้โดยสารกลุ่มนี้
ต้องยอมรับว่าหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง มีปริมาณความต้องการเดินทางภายในประเทศสูงขึ้นมาก ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวชาวไทย ในขณะที่สายการบินยังฟื้นตัวได้ต่ำกว่าระดับการให้บริการในปี 62 ทำให้ไม่สามารถเพิ่มเที่ยวบินเพื่อรองรับปริมาณความต้องการได้เพียงพอ จึงเกิดสถานการณ์ที่ผู้โดยสารหลายคนต้องซื้อตั๋วที่นั่งใบท้าย ๆ ที่มีราคาสูง โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว
ซึ่งที่ผ่านมา CAAT ได้เร่งกระบวนการอนุมัติ อนุญาตให้สายการบินสามารถจัดหาอากาศยานเพิ่มเติมให้รวดเร็วขึ้น และผ่อนปรนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สายการบินสามารถจัดหาอากาศยานมาใช้เพิ่มเติมและทันต่อความต้องการเดินทางของผู้โดยสาร
กำหนดเพดานราคาค่าโดยสาร
และเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิผู้โดยสารและควบคุมไม่ให้ค่าโดยสารสูงจนเกินไป โดยเฉพาะช่วงที่ประชาชนมีความต้องการเดินทางสูง คณะกรรมการการบินพลเรือนจึงมีประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณค่าโดยสารและค่าระวางสำหรับอากาศยานขนส่งในเส้นทางบินภายในประเทศ พ.ศ. 2561 ซึ่งได้กำหนดเพดานราคาค่าโดยสารขั้นสูงสุดไว้ (ไม่รวมค่าบริการเสริม ค่าธรรมเนียม และภาษี) ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ https://www.caat.or.th/th/archives/36895
และ CAAT ในฐานะหน่วยงานกำกับ ดูแล ควบคุม และส่งเสริมการดำเนินงานของกิจการการบินพลเรือนให้เป็นไปตามกฎระเบียบและมาตรฐานสากล มีบทบาทในการติดตามตรวจสอบราคาค่าโดยสารเครื่องบินไม่ให้เกินเพดานที่กำหนด และหากผู้โดยสารพบราคาบัตรโดยสารที่เกินเพดานค่าโดยสาร สามารถร้องเรียนมาที่ CAAT ผ่านเว็บไซต์ www.caat.or.th/complaint/
การจองบัตรโดยสารแต่ละครั้ง นอกจากผู้โดยสารจะพิจารณาเรื่องราคาตั๋วแล้ว CAAT อยากให้ผู้โดยสารอ่านรายละเอียดเงื่อนไขการสำรองที่นั่งและซื้อบัตรโดยสารของสายการบินอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้การเดินทางราบรื่นและถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ทอท. เตรียมเปิดใช้ ‘อาคารเทียบเครื่องบินหลังใหม่’ เดือนก.ย.นี้ รองรับผู้โดยสารจาก 40 เป็น 60 ล้านคนต่อปี
- ‘ทอท.’ สรุป ‘ทางเลื่อนดูดขาผู้โดยสาร’ เหตุ ‘แผ่นพื้นหลุดออกจากโครงยึด’
- ทอท. เปิดให้เอกชน ร่วมพัฒนาที่ดิน 5 แปลงใหญ่ ติดสุวรรณภูมิ เป็น ‘ศูนย์จัดการสินค้าเกษตรครบวงจร’