อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ปี 2566 มีแนวโน้มทรงตัว แต่ยังต้องจับตาความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง
จิรภา บุญพาสุข นักวิเคราะห์ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) วิเคราะห์ภาพรวมอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2566 มีแนวโน้มทรงตัว สอดคล้องกับการชะลอตัวลงของภาวะเศรษฐกิจโลก และความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกมีแนวโน้มชะลอลง
ในปี 2565 มูลค่าการส่งออก ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวม ขยายตัว 5.1% เมื่อเทียบกับปี 2564 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางประเภทที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก อาทิ แผงวงจรไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า และเซมิคอนดักเตอร์
สำหรับปี 2566 คาดว่ามูลค่าการส่งออกของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในภาพรวม มีแนวโน้มทรงตัวจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะขยายตัวเพียงเล็กน้อยที่ 0.2% จากปี 2565 สอดคล้องกับความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลก มีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากปีที่ผ่านมา
ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว จากนโยบายการเงินที่ยังคงตึงตัวต่อเนื่อง และค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้า Consumer electronics
ขณะที่ความต้องการฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ ทยอยปรับตัวลดลงจากการถูก Disrupt ของ SSD ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และความต้องการคอมพิวเตอร์ ที่เข้าสู่ภาวะอิ่มตัวใน Cycle รอบนี้ อีกทั้งยังมีแรงฉุดจากมาตรการกีดกันทางการค้า ที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภทจากไทย
อย่างไก็ตาม ยีงมีกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มีแนวโน้มเติบโตได้ดีในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ถูกนำไปใช้ในภาคการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ Consumer electronics ชะลอลงตามความต้องการคอมพิวเตอร์ที่เข้าสู่ภาวะอิ่มตัวใน Cycle นี้
เจาะรายอุตสาหกรรมกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์
อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
มูลค่าการส่งออกในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องที่ 5.9 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำคัญ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ และแผงวงจรพิมพ์ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องไปกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์
มูลค่าการส่งออก HDD ในปีนี้มีแนวโนมหดตัวต่อเนื่องที่ 13% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการ HDD ที่ลดลงและจากการถูก Disrupt ของการใช้ Solid State Drive (SSD) ในการจัดเก็บข้อมูลมากขึ้น
อุตสาหกรรม Consumer electronics
มูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มหดตัวอยู่ที่ 1.9% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความต้องการซื้อคอมพิวเตอร์ที่เริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัวสำหรับ Cycle ของการซื้อรอบนี้ และกำลังซื้อ
ของผู้บริโภคในตลาดโลกที่เริ่มชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก
อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า
มูลค่าการส่งออกในปีนี้คาดว่าสามารถขยายตัวต่อเนื่องที่ 2.4% โดยเฉพาะการส่งออกเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็นที่ใช้ในครัวเรือน และเครื่องซักผ้า ตามลำดับ ทั้งนี้ยังคงต้องติดตามนโยบายการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่อาจส่งผลให้ไทยส่งออกเครื่องใช้ฟ้าไปยังสหรัฐฯแทนจีนได้มากขึ้น
อุตสาหกรรมไฟฟ้ากำลังหรือ Power electronics
มูลค่าการส่งออกในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ราว 4.9% ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งในตลาดโลกและอาเซียน
ประเด็นที่ต้องจับตา
- ภาวะการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์โลก เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่เริ่มชะลอลง ประกอบกับอุปทานที่เริ่มเข้ามาเติมในตลาดมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ปัญหาดังกล่าว ยังคงส่งผลกระทบต่อการผลิตสินค้าขั้นปลาย ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
- ความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ และกระแสการย้ายฐานการผลิต ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังการออกกฎหมาย CHIPS act ซึ่งเท่ากับเป็นการต่อยอดสงครามทางเทคโนโลยี (Tech war) กับจีนที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2562
ทั้งนี้ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดกระแสการย้ายฐานการผลิต และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก
- มาตรการกีดกันทางการค้า ในสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศคู่ค้า ยังคงต้องจับตาการขยายมาตรการ Safeguard เครื่องซักผ้าของสหรัฐ ที่ปกป้องการนำเข้าสินค้าเครื่องซักผ้าและส่วนประกอบของไทย
- แรงกดดันด้าน ESG ต่ออุตสาหกรรม ภาวะโลกร้อนจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งกฎระเบียบและเงื่อนไขทางการค้าที่เข้มงวดขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการ จำเป็นต้องหันมาให้ความสำคัญกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงาน และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ความต้องการที่เปลี่ยนไป
แนะแนวทางการปรับตัว
SCB EIC มองว่า ผู้ประกอบการกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ ดังนี้
- กระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัตถุดิบและย้ายฐานการผลิต
ผู้ประกอบการมีการกระจายความเสี่ยง ด้วยการจัดหาชิ้นส่วนจากประเทศอื่นมากขึ้น รวมถึงมีการวางแผนสต็อกชิ้นส่วนในการผลิต และการจัดทำแผนความเสี่ยง เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิต
- พัฒนาศักยภาพและประสิทธิภาพของแรงงาน
การให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของแรงงาน ทั้งในส่วนการปรับทักษะ (Reskill) หรือเพิ่มทักษะ (Upskill) รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาแรงงานให้มีทักษะที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อยกระดับทักษะด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นต้น
- การตั้งเป้าหมายและปฏิบัติตามหลัก ESG
โดยการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กร การวางนโยบายร่วมกับซัพพลายเออร์ของบริษัท และการร่วมมือทางธุรกิจกับ Eco Partners ที่ได้รับการรับรองมากขึ้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สงคราม ‘ราคารถ EV’ กระทบหุ้น ‘ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์-ชิ้นส่วนยานยนต์’
- กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จีนหารือบีโอไอ เล็งไทยฐานผลิตส่งออกตลาดโลก
- บีโอไอ เปิดโอกาสต่างชาติ ขอ ‘LTR Visa’ ผู้มีทักษะพิเศษ เพิ่ม 15 สาขาอุตสาหกรรม กระตุ้นลงทุนในไทย