เปิดแผนธุรกิจ OR ปี 2566 เดินหน้าขยายธุรกิจไลฟ์สไตล์ ปูทางสร้างรายได้ ผลกำไรในอนาคต ควบคู่ลุยธุรกิจเดิม ผุดแฟลกชิฟสโตร์ PTT Station มุ่งเติบโตร่วมกับพาร์ทเนอร์
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR พร้อมด้วย นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ OR และ นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน OR ร่วมแถลงผลการดำเนินงานปี 2565 และทิศทางการดำเนินธุรกิจของ OR ปี 2566
นายดิษทัต กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจของ OR ปี 2566 นับแต่ตนเข้ามานั่งซีอีโอ จะเดินหน้าสานต่อวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth ที้วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยได้เตรียมงบลงทุนในปีนี้จำนวน 31,197 ล้านบาท ทั้งการขยายธุรกิจเดิม และเดินหน้ามองหาโอกาสในธุรกิจใหม่
เปิดแผนงบลงทุน OR ปี 2566
สำหรับงบประมาณลงทุน 31,197 ล้านบาท จะแบ่งเป็นการลงทุนใน 4 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้
1. กลุ่มธุรกิจ Lifestyle
มุ่งเน้นการขยายและสร้างความแข็งแกร่งของ Business Value Chain ของ กลุ่มธุรกิจ Lifestyle โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 14,193 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 45% ของงบลงทุนทั้งหมด ได้แก่
- ขยายสาขาร้านคาเฟ่ อะเมซอน 400 สาขา
- ขยายสาขาร้าน Texas Chicken 12 สาขา
- การแสวงหาพันธมิตรและการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบ
นอกจากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) แล้ว OR ยังให้ความสำคัญในกลุ่มธุรกิจด้าน Health & Wellness และ Tourism อีกด้วยเนื่องจากเป็นเทรนด์ธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง
2. กลุ่มธุรกิจ Mobility
มุ่งรักษาความเป็นผู้นำใน Mobility Ecosystem ทั้งในแง่การขยายสาขา PTT Station และ EV Station PluZ รวมถึงการผลักดันให้เกิดความร่วมมือในธุรกิจ EV ของกลุ่ม ปตท. อย่างเป็นระบบ โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 6,799 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 22% ของงบลงทุน ในการลงทุน ดังนี้
- เพิ่มจำนวน PTT Station อีก 122 สถานี
- ขยายสาขา Fit Auto เพิ่ม 18 สาขา
- เพิ่มสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ อีก 500 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน จะให้ความสำคัญกับการลงทุนใน Green Energy เพื่อเตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของแหล่งพลังงาน ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะต้องการพลังงานชนิดใดสำหรับการเดินทาง เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แฟลกชิฟ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station รูปแบบใหม่ ที่จะเป็นต้นแบบของสถานีน้ำมันในอนาคต โดยการนำแนวคิด Green Energy มาใช้ การขยายพื้นที่ค้าปลีก เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคปัจจุบันได้อย่างครอบคลุม รวมทั้งสร้างโอกาสการเติบโตร่วมกับพาร์ทเนอร์ และผู้ประกอบการรายย่อย
3. กลุ่มธุรกิจ Global
ในปีนี้ ยังคงมุ่งขยายการลงทุนในการเปิด PTT Station และคาเฟ่ อะเมซอน ผ่านบริษัทในเครือในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศกัมพูชา ที่มองว่ามีโอกาสขยายธุรกิจได้อีกมาก โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 4,954 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 16% ของงบลงทุน ดังนี้
- เพิ่มจำนวน PTT Station อีก 82 สถานี
- ขยายสาขาร้านคาเฟ่ อะเมซอน 112 สาขา
- มองหาโอกาสขยายธุรกิจทั้งจากการร่วมทุนและการควบรวมกิจการ
4. กลุ่มธุรกิจ OR Innovation
มุ่งแสวงหาธุรกิจใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจในปัจจุบัน โดยกำหนดหลักเกณฑ์ด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างนวัตกรรมในแบบฉบับของ OR เพื่อเป็นต้นแบบขององค์กรสมัยใหม่ และทำให้ OR เติบโตไปพร้อมกับผู้คนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
พร้อมกันนี้ ยังมีการลงทุนในนวัตกรรมเพื่อพัฒนาโมเดลทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจัดสรรงบประมาณจำนวน 5,251 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 17% ของงบลงทุน
นายดิษทัต กล่าวว่า ทิศทางของโออาร์นับจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการขยายกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ เพื่อให้เป็นตัวสร้างรายได้และผลกำไรในอนาคต เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกำไร 25-29% ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการลงทุนของโออาร์ ที่จะเน้นลงทุนอย่างชาญฉลาด โฟกัสและมีคุณภาพ
ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2565 จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวทำให้ ปี 2565 ภาพรวมปริมาณขายปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ส่งผลให้ OR มีรายได้ขายและบริการเพิ่มขึ้น 54.3% โดยมีรายได้ 789,785 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 2 แสนล้านบาท จากรายได้ในปี 2564 อยู่ที่ 511,799 ล้านบาท
นอกจากนี้ โออาร์ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดน้ำมัน โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 43.2% และได้ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ แล้วทั้งสิ้น 302 แห่ง รวมทั้งได้ร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายในการขยายเครือข่าย EV Station PluZ ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าใช้บริการได้อย่างสะดวกสบาย เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นําในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem)
ขณะเดียวกัน ยังได้ส่งมอบโอกาสผ่านการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การสร้างรายได้ให้แก่ผู้ด้อยโอกาสครอบคลุมกลุ่มผู้สูงวัย ผู้บกพร่องทางการได้ยินและการเรียนรู้ ให้มีรายได้จากการทํางานเป็นบาริสต้า ผ่านร้าน Cafe Amazon for Chance แล้วกว่า 137 คน
การจัดโครงการพื้นที่ปันสุขและตลาดเติมสุข ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรและชุมชนให้สามารถนําผลผลิตมาจําหน่ายในพื้นที่สถานีบริการ PTT Station ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตลอดจนการรับซื้อผลผลิตการเกษตรที่ล้นตลาดเพื่อมาจัดกิจกรรมให้กับลูกค้าที่เติมน้ำมัน ช่วยสร้างรายได้ให้ชุมชนจากการขายสินค้ามากกว่า 15.6 ล้านบาท เป็นต้น
หนึ่งในธุรกิจที่โออาร์จะให้ความสำคัญในปีนี้คือ ธุรกิจน้ำมันเครื่องบิน เนื่องจากมองว่า จะได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ และการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นนับจากปีนี้เป็นต้นไป
อีกแผนงานสำคัญคือ การให้ความสำคัญกับสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ในแบบฉบับของ OR เพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย OR 2030 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบไปด้วย
- S – SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็ก
- D – DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ
- G – GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาด
ล่าสุด OR ได้รับการคัดเลือกจาก S&P Global ให้อยู่ในทำเนียบธุรกิจที่มีความยั่งยืน The Sustainability Yearbook 2023 กลุ่มธุรกิจ Retailing ภายหลังจาก OR เข้าร่วมประเมินความยั่งยืนในระดับสากลในปีแรกที่เข้าร่วม
ทั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าการดำเนินงานด้านความยั่งยืนทั้ง 3 มิติ ของ OR ได้แก่ มิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม มิติเศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการ สอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินระดับสากลของ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices)
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘OR’ ผงาดทำเนียบธุรกิจที่มีความยั่งยืน ‘The Sustainability Yearbook 2023’ จาก S&P Global
- ‘โออาร์’ เปิดผลการดำเนินงานปี 65 รายได้พุ่ง 54.3% จ่อเสนอจ่ายปันผลหุ้นละ 0.15 บาท
- ‘OR‘ ผนึกพันธมิตร ‘MEA-PEA-EGAT-EA’ ยกระดับบริการ EV พัฒนาแอปดูหมุดสถานีชาร์จข้ามค่ายได้แล้ว
