Digital Economy

‘เคมบริดจ์ แอนาลิติกา’ ปิดบริษัทแล้ว

cambridge analytica
ภาพจาก AFP

เคมบริดจ์ แอนาลิติกา (Cambridge Analytica) บริษัทด้านการตลาดดิจิทัลสุดอื้อฉาวแห่งปีประกาศปิดตัวแล้ว หลังตกเป็นจำเลยกรณีดูดข้อมูลผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก 87 ล้านรายไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ด้านฝ่ายกฎหมายชี้ว่า ถึงปิดบริษัทก็ไม่สามารถหนีความผิดไปได้ เพราะจะมีการดำเนินคดีกับผู้บริหารต่อไป

การประกาศปิดตัวเคมบริดจ์ แอนาลิติกา ได้รับการรายงานเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (3 พ.ค.)ตามเวลาในประเทศไทย โดยอ้างว่าบริษัทมีค่าใช้จ่ายจำนวนมากเกิดขึ้นจากการถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งการประกาศปิดตัวครั้งนี้ ทำให้ทางสำนักงานคณะกรรมการด้านข้อมูลข่าวสาร หรือ The Information Commissioner’s Office (ICO) ออกมาแถลงว่า การสืบสวนจะดำเนินต่อไป โดยจะมีการฟ้องผู้บริหารเป็นรายบุคคล

ขณะที่นายดาเมียน คอลลินส์ (Damian Collins) หัวหน้าคณะกรรมการฝ่ายดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อ และกีฬา ออกมาทวีตว่า เคมบริดจ์ แอนาลิติกา และบริษัทแม่อย่างเอสซีแอล กรุ๊ป (SCL Group) จะไม่ได้รับอนุญาตให้ลบข้อมูลทั้งหมดจากการปิดตัวนี้ และการสืบสวนกระบวนการทำงานของบริษัทจะยังคงดำเนินต่อไป

“เราบอกเพื่อให้มั่นใจว่า พวกเขาไม่สามารถปิดบริษัทหนี หรือปิดบริษัทเพื่อหลบเลี่ยงความผิดที่พวกเขาก่อขึ้นได้” นายดาเมียนกล่าว

ทั้งนี้ กรณีอื้อฉาวที่เคมบริจด์ แอนาลิติกา กระทำบนแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก เริ่มตั้งแต่เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา (2557) เมื่อมีการทำแบบทดสอบบนเฟซบุ๊กและเชื้อเชิญให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กเข้ามาร่วมเล่น

อย่างไรก็ดี ผู้ที่เข้ามาเล่นนั้นจะต้องยินยอมให้แอปพลิเคชันเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวที่มีการแชร์บนเฟซบุ๊ก ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กมากถึง 305,000 รายอนุญาตให้แอปพลิเคชันนี้เข้าถึงข้อมูลได้ ทว่าในยุคนั้น เทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัวของเฟซบุ๊กยังเปิดกว้าง ทำให้นอกจากจะเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานรายนั้น ๆ แล้ว แอปพลิเคชันยังสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเพื่อนผู้ใช้งานได้ด้วย

ผลก็คือ ทางผู้พัฒนาแอปพลิเคชันสบโอกาสดึงเอาข้อมูลทั้งหมดที่เก็บมาได้ออกไปถึง 87 ล้านคน และส่วนใหญ่เป็นข้อมูลของผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกา รวมถึงข้อมูลของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอเฟซบุ๊กด้วย

ปัญหาก็คือ บริษัทดังกล่าวมีการรับทำแคมเปญการเลือกตั้งให้กับประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45 ซึ่งแม้ว่าทางเคมบริดจ์ แอนาลิติกา จะปฏิเสธว่าบริษัทไม่มีการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการทำแคมเปญเลือกตั้ง แต่สุดท้ายจะเป็นเรื่องของกระบวนการสอบสวนที่ใกล้จะได้ข้อสรุปแล้วจะเป็นตัวตัดสิน ว่ามีการใช้ข้อมูลของผู้ใช้งานเฟซบุ๊กไปในลักษณะใดบ้าง

Avatar photo