Wellness

‘5 โรคตา’ผู้สูงวัย ปล่อยทิ้งเสี่ยงตาบอด แนะตรวจปีละครั้ง

อะไรก็เสื่อมลงตามวัย โดยเฉพาะ “ดวงตา” ที่จะเกิดสารพัดโรคในผู้สูงอายุ กรมการแพทย์ ระบุว่า มี 5 โรคตาที่พบมากในผู้สูงอายุ ได้แก่ ต้อกระจก ต้อหิน จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา และภาวะสายตายาวสูงอายุ  แนะนำตรวจตาอย่างน้อยปีละครั้ง หากพบความผิดปกติระยะแรกสามารถรักษาและป้องกันหรือชะลอความเสื่อมได้

ตาผู้สูงอายุ 3
นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ

นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงดำเนินการโครงการสำคัญรองรับสถานการณ์ดังกล่าว เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งร่างกายและจิตใจ สามารถดำรงชีวิตในสังคมอย่างมีความสุข และมีคุณค่าโดยไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระ

ทั้งนี้พบว่า ผู้สูงอายุกว่า 70% ที่สายตาไม่ดี การมองเห็นไม่ชัดเจน เกิดภาวะสายตาเลือนราง หรืออาจตาบอดถ้าไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่แรก โดยโรคตาที่พบมากในผู้สูงอายุ ประกอบด้วย

  1. โรคต้อกระจก
  2. โรคต้อหิน
  3. จุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม
  4. ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา
  5. ภาวะสายตายาวสูงอายุ

นอกจากนี้ยังมีโรคตาอีกหลายโรค ที่สามารถเกิดขึ้นได้หากไม่ระวัง ดังนั้นผู้สูงอายุควรได้รับการตรวจตาโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หากพบความผิดปกติในระยะแรกจะสามารถรักษาและป้องกันหรือชะลอความเสื่อมได้  และต้องหมั่นดูแลสุขภาพของตนเอง สวมแว่นกันแดดเป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสายตา เช่น ผัก ผลไม้ สีเขียว สีเหลือง และไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

ตาผู้สูงอายุ 3
พญ.สายจินต์ อิสีประดิฐ

พญ.สายจินต์ อิสีประดิฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวเพิ่มเติมว่าผู้สูงอายุที่มารับการรักษาโรคตาที่โรงพยาบาลเมตตาฯ มากเป็นอันดับต้นๆ  คือ 1.โรคต้อกระจก 2.ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา 3.โรคต้อหิน ส่วนโรคตาที่เป็นเมื่ออายุมากขึ้น ประกอบด้วย

1. ต้อกระจก ซึ่งเกิดจากความขุ่นมัวของเลนส์แก้วตาธรรมชาติ สาเหตุส่วนใหญ่เป็นการเปลี่ยนแปลงตามอายุที่มากขึ้น ทำให้แสงผ่านเข้าไปที่จอตาประสาทด้านในลูกตาได้น้อยลง ผู้ป่วยจะมีอาการตามัวและเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอาจตาบอดได้ วิธีการรักษาคือการผ่าตัดเอาเลนส์ตาที่ขุ่นออก และใส่เลนส์แก้วตาเทียมแทนที่

2. ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา สาเหตุจากโรคเบาหวาน ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดฝอยส่งผลให้ขาดเลือดและออกซิเจนที่ไปเลี้ยงจอตา และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่อย่างผิดปกติที่จอประสาทตา ซึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้น ไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาเป็นสภาพปกติได้

สำหรับการรักษาที่มีอยู่ในปัจจุบันมุ่งหวังให้โรคไม่ลุกลามไปจากระยะที่เป็นอยู่ ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุด คือ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ รวมทั้งดูแลโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไต ไขมันในเลือดสูง อย่างเหมาะสม และผู้ป่วยเบาหวานทุกคนต้องตรวจตาโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง

ตาผู้สูงอายุ 4

3. ต้อหิน เป็นภัยเงียบที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร โดยที่ผู้ป่วยไม่ทันรู้ตัวเกิดจากความดันในลูกตาที่สูงขึ้นจนมีการทำลายประสาทตา ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวที่เป็นต้อหิน อายุที่เพิ่มมากขึ้น ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิดที่มีการใช้ยาสเตียรอยด์อย่างต่อเนื่องเป็นต้น

ทั้งนี้โรคนี้มักไม่มีอาการ จะเริ่มสูญเสียลานสายตา คือ การมองเห็นจำกัดวงแคบลงเรื่อยๆ และสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร อาจมีต้อหินบางประเภท เช่น ต้อหินมุมปิดเฉียบพลันที่มีอาการปวดมาก ตามัวลง และตาแดง ถือเป็นภาวะเร่งด่วนมาก ต้องมาพบจักษุแพทย์ทันที สำคัญที่สุดคือผู้ป่วยต้องมาตรวจติดตามอาการและปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์อย่างเคร่งครัด

4. จุดภาพชัดจอตาเสื่อม เกิดจากภาวะเสื่อมของจุดภาพชัดที่อยู่ส่วนกลางของจอตา ทำให้การมองเห็นส่วนกลางของภาพมัวลง โดยบริเวณรอบข้างยังเห็นได้ปกติ ปัจจัยเสี่ยง คือ ภาวะสูงวัย แสงรังสี UV สูบบุหรี่ และความดันโลหิตสูง ในระยะเริ่มต้นอาจไม่มีอาการ เมื่อจอตาเสื่อมมากขึ้นจะมีอาการตามัว เห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นจุดดำตรงกลางภาพ และสูญเสียการมองเห็นตรงกลางภาพโดยไม่มีอาการปวด

5. ภาวะสายตายาวในผู้สูงอายุ ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน ผู้ป่วยจะอ่าน หรือเขียนหนังสือ ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในระยะใกล้ไม่ชัดเจน แต่มองไกลได้ปกติ บางคนมีอาการตาพร่า หรือปวดตา

โรคนี้มักเริ่มมีอาการเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป เนื่องจากความสามารถ และระยะในการเพ่งปรับสายตาลดลง เลนส์แก้วตาแข็งตัวขึ้นและการทำงานของกล้ามเนื้อตาลดลง สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้แว่นสายตา  แต่ควรมาตรวจกับจักษุแพทย์ให้แน่ใจว่า ไม่มีความผิดปกติของโรคตาอื่นๆร่วมด้วย

Avatar photo