การเลือกตั้งใหญ่ในมาเลเซีย ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคมน่ี้ ทำให้ผู้คนในประเทศพากันจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก ผู้นำคนปัจจุบัน ที่มีเรื่องอื้อฉาวติดตัวอยุ่ จะสามารถป้องกันการท้าชิงจาก อดีตนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ โมฮัมหมัด ผู้ที่เคยเป็นพี่เลี้่ยงทางการเมืองของเขามาก่อนได้หรือไม่
บรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่าฝ่ายนาจิบน่าจะคว้าชัยชนะมาได้ไม่ยากนัก เพราะฝ่ายค้าน ที่อยู่ภายใต้การนำของมหาธีร์ ยังไม่สามารถรวมตัวกันได้อย่างเข้มแข็ง และขาดนโยบายที่แข็งแกร่ง ที่จะต้านทานพรรคร่วมรัฐบาลได้
ใครสู้ใคร
กลุ่มพันธมิตรร่วมรัฐบาลของนาจิบ “บาริซัน เนชันแนล” (บีเอ็น) หรือ “แนวหน้าแห่งชาติ” ประกอบไปด้วย 14 พรรคการเมือง ที่จะต้องลงสู้ศึกเลือกตั้งกับ 4 พรรคการเมือง ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่ม “ปากาตัน ฮาราปัน” (พีเอช) หรือ พันธมิตรแห่งความหวัง ของมหาธีร์
ตามปกติแล้ว พรรคการเมืองในมาเลเซีย มีแนวโน้มที่จะตั้งขึ้นโดยมีพื้นฐานอยู่บนเชื้อชาติ ซึ่งหมายความว่า การถกเถียงในประเด็นเลือกตั้ง และนโยบายของรัฐบาล มักจะพุ่งเป้าไปในเรื่องเกี่ยวกับเชื้อชาติ หรือศาสนา
สำหรับพรรคองค์กรสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) พรรคการเมืองของผู้นำมาเลเซียนั้น ถือเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่สุดของประเทศ ครองที่นั่งในสภามากกว่า 1 ใน 3 ของที่นั่งทั้งหมด
ส่วนในฝ่ายพีเอชของมหาธีร์นั้น มีพรรคเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มหลักเป็นชาวมาเลย์เชื้อสายจีน ถือเป็นพรรคที่มีขนาดใหญ่ ตามด้วยพรรคเคดิลัน รักยัต (พีอาร์เค) ซึ่งมีความหมายว่า ความยุติธรรมของประชาชน ของอันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ถูกจำคุกอยู่ มีขนาดใหญ่รองลงมา
ประเด็นหลักหาเสียง
แม้เศรษฐกิจมาเลเซียจะอยู่ในสถานะแข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา แต่ชาวมาเลเซียจำนวนมากก็ยังไม่พอใจกับค่าครองชีพที่ทะยานสูงขึ้น
ราคาสินค้าในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลยกเลิกการอุดหนุนราคาสินค้าจำเป็น และจัดเก็บภาษีสินค้า และบริการ เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปจากราคาโภคภัณฑ์ที่ลดลง ซึ่งความรู้สึกของผู้มีสิทธิออกเสียง ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะชี้ผลกาารเลือกตั้ง
ขณะที่ผู้คนตามรัฐต่างๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาล มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวทางการเงินในหน่วยงานของรัฐบาล อย่างวันเอ็มดีบี กองทุนบริหารความมั่งคั่งของรัฐบาล และเฟลดา บริษัทที่มักจ้างผู้คนตามท้องถิ่นต่างๆ ทำการเกษตรให้กับบริษัท
สนามต่อสู้หลัก
กลุ่มผู้สนับสนุนหลักของพรรคฝ่ายค้านอยู่ตามเมืองใหญ่ๆ และรัฐอุตสาหกรรม อย่าง สลังงอร์ และปีนัง ซึ่งรัฐ และเมืองใหญ่ๆ เหล่านี้ จะกลายเป็นสนามแข่งขันอันดุเดือดอย่างแน่นอน
ขณะที่รัฐยะโฮร์ ทางตอนใต้ของประเทศ ใกล้กับชายแดนสิงคโปร์ และฐานที่มั่นของพรรคอัมโน จะกลายเป็นเป้าหมายในการแย่งชิงคะแนนเสียงของ “ปาร์ติ พริ”พรรคสหมาเลย์ดั้งเดิม ของมหาธีร์
