นายนที เมฆรุ่งโรจน์ ประธานกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัท ไวท์คลาวน์ จำกัด (WHITE CLOUD CO.,LTD.) ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มอร์ตาร์ ด้วยเทคโนโลยีพร้อมนวัตกรรมในการผลิต และอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของปูนมอร์ต้าร์แบรนด์ดังมากว่า 20 ปี โดยในปี 2561 เราจะเดินหน้ารุกตลาดอย่างเข้มข้น ซึ่งตอนนี้แบรนด์ ได้เริ่มปรับปรุงภาพลักษณ์ด้วยการรีแบรนด์ดิ้งเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี โดยมุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ให้กับกลุ่มลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า และขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าเดิมที่มีอยู่ให้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลายหลายมากขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมถึงตลาดต่างจังหวัด และกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างประเทศ
“ปูนซีเมนต์สิงห์ มอร์ตาร์ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการผลิตปูนซีเมนต์ เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าในหลากหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มโครงการก่อสร้างพื้นฐาน ด้วยความพร้อมของศักยภาพโรงงานผลิตที่ทันสมัย ภายใต้มาตรฐาน ISO และยังมีการพัฒนาและวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาด ด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและใส่ใจในทุกกระบวนการและขั้นตอนการผลิต”
ทั้งนี้ โรงงานปูนซีเมนต์ของทางบริษัทมีกระบวนการผลิตด้วยเครื่องจักรที่มีคุณภาพสูง และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยตามมาตรฐานสากล โดยมีไลน์การผลิตรองรับถึง 8 ไลน์ ซึ่งสามารถผลิตได้สูงสุดถึงวันละ 2,000 ตัน ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอไม่เกิดปัญหาแตกร้าว หลุดร่อน จึงมั่นใจได้ว่าคุณภาพของปูนสิงห์ มอร์ตาร์ ปูนสดที่แข็งแรงกว่า จะสามารถเข้าไปอยู่ในใจของผู้ใช้งานได้อย่างแน่นอน
สิงห์มอร์ตาร์ มีผลิตภัณฑ์แนะนำ ได้แก่
- สิงห์มอร์ตาร์ SPO3P ปูนฉาบอิฐมวลเบาสูตรพรีเมี่ยม ที่มีเฟล็กซิเบิ้ลนาโน เทคโนโลยี ซึ่งช่วยเพิ่มแรงยึดประสานเหนียวแน่น , ป้องกันความร้อน จบปัญหาแตกร้าวของผนัง
- สิงห์มอร์ตาร์ SPO3F ปูนฉาบอิฐมวลเบาสูตรละเอียด มีคุณสมบัติคือ ฉาบนุ่ม ลื่น เบามือช่าง ผิวหน้างานที่ได้มีความละเอียดพิเศษ
- สิงห์มอร์ตาร์ SMO2 ปูนก่ออิฐมวลเบา ที่ให้การยึดเกาะสูง สามารถก่อกาวได้แบบบาง ประหยัดและได้พื้นที่มาก
- สิงห์มอร์ตาร์ SF01ปูนไฟเบอร์โค้ท สีเทา ปูนนวัตกรรมที่สิงห์มอร์ตาร์มีเพียงเจ้าเดียวในตลาด ใช้ฉาบพื้นผิวและปิดรอยต่อแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์และสามารถฉาบได้บนพื้นผิวที่หลากหลาย
- สิงห์มอร์ต้าร์ SC01 ปูนไลท์เวทโค้ท สีเทา ใช้ฉาบพื้นผิวและปิดรอยต่อผนังพาแนลมวลเบา และสามารถฉาบได้บนพื้นผิวที่หลากหลาย
- สิงห์มอร์ตาร์ SG01 ปูนกาวซุปเปอร์กลู ใช้งานปูกระเบื้องขนาดใหญ่พิเศษ, ปูกระเบื้องทับกระเบื้องเก่า
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจับมือกับกลุ่มพันธมิตรที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมการผลิตปูนซีเมนต์ เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด และนำเสนอการให้บริการแก่ลูกค้า ในด้านต่างๆ ดังนี้
- Fast One สั่งด่วนได้เลย บริการแบบครบวงจรภายใน 1 วัน
- หมอปูน ให้คำปรึกษาครบเครื่องเรื่องปูน ไม่ว่าจะเป็นการอบรมช่างหน้างาน, การสนับสนุนการทดสอบหน้างานจริง และความเอาใจใส่ดูแลตรวจสอบงานของลูกค้า
- QC Pass สัญลักษณ์การรับประกันการตรวจสอบคุณภาพจาก สิงห์มอร์ตาร์ ด้วยระบบ QC Checking ที่บริษัทเป็นผู้คิดค้นขึ้น
เตรียมงบ 100 ล้านทำตลาด
นายวรวิทย์ เมฆรุ่งโรจน์ ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า บริษัทมีการเตรียมงบประมาณ จำนวนกว่า 100 ล้านบาท ในการทำการตลาด พัฒนาปรับปรุงโรงงานผลิตและเครื่องจักรให้ทันสมัย สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นให้โรงงานมีการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและการผลิต ลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว และป้องกันปัญหาการขาดแคลนแรงงานในอนาคต และจากเป้าหมายของปีนี้ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าสิงห์มอร์ตาร์จะเข้ามามีส่วนแบ่งในตลาดที่มากขึ้น และเติบโตมากกว่า 40%
“ด้านกิจกรรมการตลาดและประชาสัมพันธ์และทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ในโอกาสรีแบรนด์ดิ้งนี้ บริษัทฯ เลือกไปเปิดตัวในงานสถาปนิก’61 เพราะถือเป็นงานใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับวงการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ เป็นโอกาสอันดีที่จะแนะนำ แบรนด์ สิงห์มอร์ตาร์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดย สิงห์มอร์ตาร์ ได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ตัดสินใจเปิดออเดอร์กับเราภายในงาน และยังมีกิจกรรมสาธิต เวิร์คช้อป และบริการให้คำปรึกษาจากหมอปูนของเราตลอดระยะเวลาการร่วมงาน ตั้งแต่วันที่ 1-6 พฤษภาคมนี้ ณ บูธ D206 ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพคเมืองทองธานี”
สำหรับทิศทางตลาดปูนซีเมนต์ในไทยในปี 2561 ได้รับผลจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ค่อยๆ เริ่มฟื้นตัว โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของทางภาครัฐ เช่น โครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นตัวช่วยผลักดันและกระตุ้นการลงทุนในภาคเอกชน โดยยอมรับว่าจากภาวะตลาดหดตัวในปีก่อนๆ ทำให้ในปีนี้ เมื่อมีสัญญาณบวกจากทางภาครัฐ จึงมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูงจากผู้แข่งขันในตลาด เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด
