ทางการอิตาลียืนยัน ครอบครัวหนึ่งบนเกาะซิซิลีเสียชีวิตทั้งหมด 9 ราย หลังโดนกระแสน้ำ และดินโคลนพัดไป ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุพายุ และน้ำท่วมในอิตาลีล่าสุด พุ่งขึ้นมาอยู่ที่อย่างน้อย 30 รายแล้ว และยังมีผู้สูญหายอีกเป็นจำนวนมาก
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.) มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย บนเกาะซิซิลี รวมถึงสมาชิกของ 2 ครอบครัวที่มาเที่ยววันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยกัน ต้องสูญเสียสมาชิกไปในเวลาพร้อมกันถึง 9 ราย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลังน้ำในแม่น้ำล้นตลิ่งไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนในเมืองคาสเตลดาเชีย ทางตะวันออกของปาแลร์โม ซึ่งเป็นเมืองเอกของเกาะซิซิลี
เรลนิว 24 สถานีโทรทัศน์ของทางการอิตาลี รายงานว่า นายกิวเซปเป จิออร์ดาโน เป็นสมาชิกที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวของ 2 ครอบครัวนี้ โดยเขาอยู่ข้างนอกบ้าน ในขณะที่กระแสน้ำ และดินโคลนไหลบ่าเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“มีแต่น้ำไหลมาเต็มไปหมด ผมถูกน้ำพัดล้มลง ก่อนจะคว้าต้นไม้เอาไว้ได้ ผมได้แต่ตะโกนว่าช่วยด้วย ช่วยด้วย” นายจิออร์ดาโนเล่า
ขณะที่สำนักข่าวอันซา ของอิตาลี ระบุว่า นายจิออร์ดาโนสูญเสียภรรยา บุตร 2 คน พ่อแม่ พี่ชาย น้องสาว หลานชาย และมารดาสามีของน้องสาว ไปกับเหตุน้ำท่วมฉับพลันในครั้งนี้
สมาชิกทั้ง 9 คนของทั้ง 2 ครอบครัว รวมถึง เด็กอายุ 1 ขวบ 3 ขวบ และเด็ก 15 ปี ขณะที่เหยื่อคนอื่นๆ มีอายุระหว่าง 32-65 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่พบร่างของพวกเขาในเวลาต่อมาหลังจากที่ระดับน้ำลดลงแล้ว
ทั้งนี้ ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั่วทั้งอิตาลีต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่เลวร้ายอย่างมาก จากพายุฝนฟ้าคะนอง ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่
นายกรัฐมนตรีกิวเซปเป คอนเต ของอิตาลี ซึ่งได้นั่งเฮลิคอปเตอร์สำรวจพื้นที่เกิดภัยพิบัติบนเกาะซิซิลี กล่าวว่า เหยื่อ 2 รายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นคู่สามีเยอรมนี ที่รถยนต์ของพวกเขาโดนกระแสน้ำพัดไป ใกล้กับอากริเจนโต แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ที่มีวิหารกรีกโบราณตั้งอยู่ พร้อมระบุถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะซิซิลีว่า เป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่
