Politics

‘จุรินทร์’ ลั่นมีจุดยืนชัดเจน ไม่เอาระบอบสาธารณรัฐ!

“จุรินทร์” ไม่เอาระบอบสาธารณรัฐ! ลั่นมีจุดยืนชัดเจน ประเทศต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น

ที่ท่าอากาศยานภูเก็ต นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวก่อนลงพื้นที่ kick off จ่ายเงินประกันรายได้ยางพารา และเปิดงานกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวพังงา-ภูเก็ต ว่า ตนและพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วย เรื่องการที่จะไปเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศไทย เป็นระบอบสาธารณรัฐ หรือ คอมมิวนิสต์ เพราะเรามีจุดยืนชัดเจนว่า ประเทศไทย ต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น คือ สิ่งที่เป็นจุดยืน และเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับชัดเจน ต้องไม่ไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องการยกเลิกมาตรา 112 นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทุกประเทศในโลก ก็จะต้องมีกฎหมายที่คุ้มครองประมุขของประเทศด้วยกันทั้งสิ้น โดยกฎหมายมาตรา 112 ก็เป็นมาตราหนึ่ง สำหรับประเทศไทยที่คุ้มครองหรือปกป้องประมุขของประเทศไทยของเราเช่นเดียวกับทุกประเทศในโลก คือ สิ่งที่อยากให้ทุกท่านได้เกิดความเข้าใจ

จุรินทร์1112 e1607660735231

นายจุรินทร์ ยังกล่าวที่มา สสร.200 คน ที่มีคำถามว่า ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหรือไม่นั้น ว่า อันนี้เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเป็นผู้กำหนด ขณะนี้การแก้รัฐธรรมนูญ ผ่านการรับหลักการวาระที่หนึ่งแล้ว และอยู่ในวาระที่สอง คือ ขั้นแปรญัตติ ทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับกรรมาธิการ ที่จะเป็นผู้พิจารณา ก่อนนำกลับมาพิจารณาในรัฐสภาใหญ่ แล้วมีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง ในวาระที่สามเรื่อง สสร.นั้นเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ว่าในจำนวนประมาณ 200 คน ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหรือไม่ หรือ มาจากการเลือกตั้งส่วนใหญ่ แล้วมาจากการสรรหาบางส่วน

ซึ่งมีข้อดีข้อด้อยด้วยกันทั้งสองส่วน ถ้ามาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ก็อาจจะอ้างได้ว่า ประชาชนเป็นผู้เลือกมา แต่อาจมีจุดอ่อนได้ ถ้าผลการเลือกตั้งที่ออกมากลายเป็นผู้ที่อิงอยู่กับพรรคการเมือง หรือ ในเส้นสายทางการเมืองได้รับเลือกตั้งมาจำนวนมาก สุดท้ายอาจจะกลายเป็นคล้ายกับสภาผัวสภาเมีย เหมือนที่เกิดขึ้นในวุฒิสมาชิกกับสภาผู้แทนราษฎรในอดีตได้

“ไม่ได้แปลว่า ผมจะมีความเห็นอย่างนั้น แต่มีข้อท้วงติงได้ แต่ข้อดี คือ สามารถอ้างได้ว่ามาจากการเลือกตั้งจากประชาชน แต่สำหรับรูปแบบผสม คือ มาจากการเลือกตั้งส่วนใหญ่ แต่ว่ามาจากการสรรหาอีกจำนวนหนึ่งเหมือนกับร่างของพรรคร่วมรัฐบาล คือ ให้มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน 150 คน และมาจากการสรรหา 50 คน

ในจำนวน 50 คนนั้น ประกอบด้วย ตัวแทนของสภาผู้แทนจำนวนหนึ่ง วุฒิสมาชิกตัวแทนของวุฒิสภาจำนวนหนึ่ง และอีก 20 คน มาจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากการสรรหาของที่ประชุมอธิการบดีหรือทางฝ่ายวิชาการ และอีกจำนวนหนึ่งประมาณ 10 คน มาจากตัวแทนนักศึกษา จะช่วยให้เกิดความหลากหลายขึ้น เพราะบางครั้งการเลือกตั้งทั้งหมดนักศึกษาอาจจะไม่ติดสักคนก็ได้สุดท้ายก็จะไม่มีตัวแทน หรือ ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายรัฐธรรมนูญทั่วโลก ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้อาจจะไม่ติดมาก็ได้ สุดท้ายอาจกลายเป็นจุดอ่อน

“จุดดี คือสามารถที่จะช่วยให้มีความหลากหลายและมีการผสมผสาน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับกรรมาธิการที่จะเป็นผู้พิจารณา ผมเห็นด้วยที่จะต้องมี สสร.ยกร่างขึ้นมาใหม่โดยไม่แตะหมวดหนึ่งหมวดสองเพราะถ้าไปแตะหมวดหนึ่งหมวดสองไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปเป็นสาธารณรัฐหรือคอมมิวนิสต์ก็ทำไม่ได้และไม่ควรทำ” นายจุรินทร์ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo