Politics

‘อนุทิน’ เร่งโอนงบบัตรทองปี 64 ลงหน่วยบริการเดือนนี้

“อนุทิน” ย้ำสปสช.เร่งกระจายงบบัตรทอง ปี 64 ลงหน่วยบริการภายในพ.ย. นี้ หลังลงนามประกาศ พร้อมให้ สปสช.ยกร่างพระราชกฤษฎีกา รองรับการจัดสรรเงินส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคครอบคลุมสิทธิข้าราชการและประกันสังคมในอนาคต

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่าการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เห็นชอบการปรับร่างประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงาน และบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2564

ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายได้ปรับปรุงร่างประกาศหลักเกณฑ์ฯ หลายประเด็น โดย 2 ประเด็นหลักที่หารือ

1. งบประมาณเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค การเสนองบประมาณขาขึ้น เป็นการจัดทำงบประมาณสำหรับคนไทยทุกคน 60 กว่าล้านคน แต่ในส่วนของงบประมาณขาลง แม้ในมาตรา 5 ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 จะกำหนดไว้ว่า คนไทยทุกคนได้สิทธิ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เคยให้คำวินิจฉัยไว้แล้วว่า สามารถกระทำได้ คณะอนุกรรมการด้านกฎหมายจึง เสนอให้บอร์ด สปสช. มีมติยืนยันการจัดสรรดังกล่าว ตามที่ได้เคยเสนองบต่อคณะรัฐมนตรีไว้ อย่างไรก็ตามคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายเสนอว่า ในอนาคตคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ควรเสนอการออกพระราชกฤษฎีกามารองรับต่อไป

อนุทิน44 e1604883418975
2. หลักเกณฑ์การบริหารเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพของเขต 13 กทม. มีแนวทางการจ่ายค่าบริการแบบ Value Based หรือการจ่ายเงินแบบมุ่งเน้นคุณค่า ให้อำนาจคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ (อปสข.เขต 13) ในการบริหารเงินอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากเขตอื่นๆ ทั่วประเทศ จึงขอให้บอร์ด สปสช.ยืนยันมติอีกครั้ง

ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงาน และบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2564 ฉบับแก้ไข พร้อมยืนยันมติให้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณแก่หน่วยบริการต่อไป โดยให้ สปสช. นำร่างฯ กลับไปพิจารณาความถูกต้องเรียบร้อย และเสนอคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายกลั่นกรองอีกครั้ง ก่อนจะเสนอให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนาม ทั้งนี้นายอนุทิน ได้ย้ำให้สปสช.เร่งดำเนินการโอนงบประมาณหลังจากได้ลงนามแล้วภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

นอกจากนี้ บอร์ด สปสช. ยังได้มอบหมายให้ สปสช. ไปดำเนินการริเริ่มยกร่างพระราชกฤษฎีกาฯ และเจรจากับกรมบัญชีกลางและสำนักงานประกันสังคมในการจัดบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแก่ผู้ใช้สิทธิของทั้ง 2 กองทุนในอนาคต โดยให้นำเข้าหารือในคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการสร้างความกลมกลืนในระบบหลักประกันสุขภาพภาครัฐ ร่วมกับที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight