RSV ระบาดโคราช เด็กป่วยแน่นหอผู้ป่วย หมอเด็กหวั่น เอาไม่อยู่ แนะล็อกดาวน์ เนอร์สเซอร์รี่ โรงเรียน ที่มีเด็กป่วยหลายคน พร้อมสังเกต ป้องกัน
นายแพทย์จิรรุจน์ ชมเชย กุมารแพทย์โรคระบบหายใจ โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา เจ้าของเพจดัง “เข้าใจโรคเข้าใจลูก” โพสต์เตือนเด็ก ผู้ปกครอง สังเกตอาการของโรค หลังไวรัส RSV ระบาดโคราช จนเด็กป่วยแน่นหอผู้ป่วยเด็ก พร้อมแนะล็อกดาวน์โรงเรียน เนอร์สเซอรี่ ที่พบเด็กป่วยหลายคน โดยระบุว่า
“#เอาไม่อยู่จริงๆกับRSV
ควร lock down เนอร์สเซอร์รี่ หรือ โรงเรียน ที่มีเด็กป่วยหลายคนได้แล้วหรือยัง
ครูบางโรงเรียน ยังไลน์บอกผู้ปกครองให้พามา เพราะจะปิดเทอมแล้ว โรงเรียนจะมีประเมินเด็ก.. เพลียจริงๆ
สถานการณ์ ณ ขณะนี้ทำเอาผู้ป่วยล้นหอผู้ป่วยจริง ๆ มีตั้งแต่อายุไม่กี่วัน(ติดจากแม่เป็นหวัด) ไปจนถึงเด็กโตไปรร. (ตามโรงพยาบาลเอกชนที่ทราบขาาว ก็มีจำนวนไม่น้อย)
ความเข้าใจเบื้องต้น-RSV ในผู้ใหญ่-เด็กโตๆอาจมีเพียงอาการหวัด-น้ำมูกไหลจึงทำให้หลายคนคิดว่าไม่น่ามีอะไร แท้จริงนั่นแหละครับ สาเหตุของการแพร่อย่างรวดเร็ว
ล้างมือ สวมหน้ากากโดยเฉพาะคนที่ป่วย แยกเด็กป่วย บ้านใครบ้านมันก่อน ช่วงนี้
ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆครับ
นอกจากนี้ นายแพทย์จิรรุจน์ ยังโพสต์ถึงอาการของ โรค RSV ว่า
#RSV มาอีกแล้ว…โปรดอ่านเถอะครับ เพราะคุณอาจเป็นส่วนหนึ่งที่พาเชื้อไปสู่เด็กโดยไม่รู้ตัว
หน้าฝนเมื่อไหร่ จะการ์ดตกสูงแค่ไหน อย่างไร RSV ก็มา
ผมสรุปให้ฟังเบื้องต้น แบบนี้นะครับ (ถ้าไม่อยากอ่านก็ข้ามไปการป้องกันเลยครับ)
#RSVคืออะไร คือ ไวรัสที่ก่อให้เกิดการอักเสบในทางเดินหายใจ อาการอาจมีเพียง น้ำมูกไหลมาก ไอ ไข้ต่ำๆในเด็กโตๆ แต่ในเด็กเล็ก โดยเฉพาะอายุน้อยกว่า 3 ปี “อาจมีอาการรุนแรง” เช่น หลอดลมฝอยอักเสบ ปอดอักเสบ (ปอดบวม)
ยิ่งอายุน้อยๆ เช่น น้อยกว่า 1 ปี อาการอาจรุนแรงถึงขั้นหายใจล้มเหลว ได้ง่ายๆ เลยครับ
#RSVติดต่ออย่างไร เหมือน โควิด19เป๊ะ การสูดหายใจเอาละอองฝอยที่เกิดจากการไอ จามเข้าไป การจับสัมผัสน้ำมูกน้ำลายแม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถนำไวรัสเข้าสู่ระบบหายใจได้
#RSV อาการเป็นอย่างไร ในช่วงแรกของการติดเชื้อ อาการก็เหมือน “หวัดทั่วๆไป” คือ น้ำมูกไหล ไอมีเสมหะ แต่ อาจมีไข้สูงได้ในเด็กเล็กๆ
ผ่านไป1-2 วันหลังน้ำมูกมา ถ้ามีการติดเชื้อเกิดขึ้นที่หลอดลมฝอย (โดยเฉพาะในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ) ก็จะไอมีเสมหะปริมาณมาก หอบเหนื่อย กินนมได้ลดลง อาการรุนแรงมากขึ้น บางรายถึงขั้น ระบบหายใจล้มเหลว
#RSV รักษาอย่างไร “ไม่มียาฆ่าไวรัส” รอหายเอง แต่ระหว่างรอก็คือ ให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ออกซิเจน หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ ตามความจำเป็น รอจนร่างกายจัดการไวรัส รอจนกระบวนอักเสบ “สงบลง” ซึ่งกระบวนการทั้งหมด อาจกินเวลานานถึง 14วัน!!!
ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียอื่น ๆ แทรกซ้อนเช่น IPD, Hib ก็หนักขึ้นไปอีกครับ
#RSV มีวัคซีนป้องกันไหม “ไม่มี” ครับ เชื้อนี้เจอมาตั้งแต่ราวปี 1960 กระมังครับ นี่กี่ปีแล้วครับ เด็กตายจากเรื่องนี้ไปไม่รู้กี่คนแล้ว
#จะป้องกันได้อย่างไร เหมือนโควิด-19 เป๊ะ!!!!
1. ล้างมือบ่อยๆ ทั้งผู้ปกครอง คนดูแลเด็ก และคนในบ้าน จะใช้น้ำ+สบู่ หรือ เจลแอลกอฮอลล์ล้างมือ แบบเดียวกับที่ทำตอนสมัยโควิดยัง ระทึกนั่นแหละครับ
2. สวมหน้ากาก โดยเฉพาะ “เด็กที่ป่วย” พยายามให้ได้อย่างถึงที่สุด เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
3. แยกคนป่วยออกมา เด็กโตที่ไปโรงเรียน มีอาการไอ+น้ำมูก บอกไม่ได้หรอกว่า RSV หรือไม่ ตามที่กล่าวข้างต้น ดังนั้น การพยายามแยกผู้ป่วย ไว้ก่อน จึงเป็นสิ่งจำเป็น อย่างน้อยๆ ต้องแยกเตียงที่นอนกับน้องเล็ก ๆ พยายามไม่ให้มาหอมมาจูบน้องเล็ก ๆ
4.ไม่หอม-ไม่จับ-ไม่จูบ เด็กเล็กๆ เลิกเสียที การแสดงออกความรักแบบสร้างความหายนะกับเด็ก ตอนลูกเขาป่วย คนหอมคนจับคนจูบ ไม่ได้มาเฝ้าน้องที่โรงพยาบาลนะครับ
ถ้าบอกว่าที่หมอพูดว่า “ทำไม่ได้หรอก” มันยากเกิ๊น เตรียมร้องเพลงพี่ติ๊ก ชีโร่ “รอรับได้เลย” ไปพลางๆครับ มันมาแน่ และ ยิ่งอายุน้อย “มากหนัก” จริงๆนะครับ
ล้างมือ-สวมหน้ากาก ไม่หอม ไม่จับเด็กเล็ก ๆ วนไปเลยครับ
ด้วยความปรารถนาดี
เราเคยมีเคสผู้สูงอายุ (อายราว 70ปี) ติดเชื้อ RSV จากหลานที่ไปโรงเรียน อาการรุนแรงจากนั้นติดเชื้อแบคทีเรีย IPD แล้วเสียชีวิตก็มีนะ ดังนั้น ที่แนะนำไปข้างต้นทำเถอะครับ
สำหรับผู้ติดเชื้อไวรัส RSV เด็กโต ผู้ใหญ่ ที่ไม่มีโรคประจำตัว ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการรุนแรง อาจเป็นเพียงแค่อาการ น้ำมูกไหล ไอ ไข้ต่ำ ๆ 3-4 วันก็หาย แต่เด็กเล็ก โดยเฉพาะ “อายุน้อยกว่า 2ปี” กลุ่มนี้เสี่ยงจะมีอาการรุนแรง ยิ่งอายุน้อยกว่า 1 ปี ยิ่งเสี่ยงมากขึ้น
นอกจากนี้ โรคประจำตัวต่างๆ ก็อาจจะกำเริบรุนแรงขึ้น เมื่อได้มีการติดเชื้อ RSV เช่น โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด ยิ่งอายุน้อย ยิ่งอาการรุนแรงมากขึ้น
อีกกลุ่มหนึ่งที่เสี่ยงไม่แพ้กันคือ “ผู้สูงอายุ” ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และ ผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจเรื้อรัง โรคปอดเรื้อรัง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอยง’ ชี้ ‘RSV’ ยังระบาดหนักในเด็กเล็ก เตือน ‘ไม่มียารักษา-วัคซีน’ ต้องดูแลสุขอนามัย
- ‘RSV’ อันตรายที่มาพร้อมลมหนาว เด็กเล็กเสี่ยงสูง ไม่มียารักษาแต่ป้องกันได้
- เข้าหน้าหนาว ‘โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่’ อาการคล้ายกัน สธ.เปิดข้อแตกต่าง ที่นี่!