General

แอมโมเนียรั่วไหล กรมการแพทย์ แนะวิธีปฏิบัติตัว เพื่อความปลอดภัย

แอมโมเนียรั่วไหล กรมการแพทย์ เตือนสารแอมโมเนีย ตามร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของชำ หากรั่วไหลอาจเกิดอันตรายได้ แนะวิธีปฏิบัติตัว เพื่อความปลอดภัย

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดี กรมการแพทย์ เปิดเผยว่า แอมโมเนีย เป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายสูงต่อสุขภาพ เนื่องจากเป็นสารกัดกร่อนผิวหนัง ดวงตา ปอด และระบบการหายใจ ซึ่งแก๊สมีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี หาก แอมโมเนียรั่วไหล สัมผัส หรือเข้าสู่ร่างกาย จะส่งผลให้อวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจส่วนบน ได้รับอันตราย

แอมโมเนียรั่วไหล

ในกรณีที่ได้รับปริมาณน้อย จะมีอาการไอ หลอดลมตีบ แต่หากได้รับสารในปริมาณมาก หรือเป็นระยะเวลานาน จะมีอาการทางเดินหายใจส่วนบนบวม ไหม้หรืออุดกั้น จนเกิดเสียงผิดปกติ ขณะหายใจเข้าได้ ในบางกรณี อาจมีความรุนแรง ถึงขั้นทำลายปอด

นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายมักพบอาการอื่น ๆ ร่วม ได้แก่ กล่องเสียงอักเสบ หลอดลมอักเสบ หายใจดังวี๊ด หอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก น้ำท่วมปอด ปอดอักเสบ ขาดออกซิเจน หากสัมผัสผิวหนัง จะทำให้ระคายเคือง และไหม้ได้ หากสัมผัสตา จะทำให้เยื่อบุตาขาวอักเสบ น้ำตาไหล ระคายเคืองกระจกตา ตาบอดชั่วคราวหรือถาวรได้

ส่วนอาการระยะยาว ผู้ที่สัมผัสแก๊สเป็นระยะเวลานาน อาจมีอาการไอเรื้อรัง เหนื่อย การทำงานของปอดผิดปกติ ซึ่งหากเกิดการรั่วไหลของแก๊สแอมโมเนีย ในปริมาณน้อย เริ่มแรก ให้แยกผู้คน ออกห่างจากบริเวณที่รั่วไหล เป็นระยะทาง 30 เมตร ในเวลากลางวัน และ 100 เมตรในเวลากลางคืน

หากมีการรั่วไหลในปริมาณมาก ให้แยกผู้คนออกห่างจากบริเวณรั่วไหล เป็นระยะทาง 150 เมตร ในเวลากลางวัน และ 800 เมตร ในเวลากลางคืน

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์

ด้านนายแพทย์สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางการระงับเหตุฉุกเฉิน การรับสารแอมโมเนีย เข้าสู่ร่างกายทางการหายใจ การกินหรือการซึมผ่านผิวหนัง อาจทำให้เสียชีวิต ไอระเหย อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการกัดกร่อนอย่างรุนแรง

ขณะที่ การสัมผัสกับก๊าซ อาจทำให้เกิดแผลไหม้ บาดเจ็บสาหัส หรือเนื้อตายจากความเย็นจัด หากสารลุกไหม้ อาจทำให้เกิดก๊าซที่มีฤทธิ์ระคายเคือง เป็นพิษ

สำหรับ แนวทางปฏิบัติ ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ ก่อนถึงโรงพยาบาล มีดังนี้

  • ให้เคลื่อนย้ายผู้ประสบเหตุ ไปยังที่อากาศบริสุทธิ์
  • ให้คนไข้นอนราบกับพื้น หายใจช้า ๆ เปิดตาเท่าที่จำเป็น
  • ใช้ผ้าบางชุบน้ำเปียกปิดปาก และจมูก ระหว่างขนย้ายออกจากพื้นที่
  • ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนแอมโมเนียออกทันที แต่ในกรณีเสื้อผ้า ที่เย็นแข็งติดผิวหนัง ต้องทำให้อ่อนตัวก่อนถอด ล้างร่างกายด้วยน้ำอุ่นสะอาด อย่างน้อย 15 นาที
  • กรณีที่แอมโมเนียสัมผัสตา ให้ล้างออกด้วยน้ำปริมาณมาก ๆ โดยเปิดน้ำไหลผ่านตา อย่างน้อย 15 นาที แล้วรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
  • กรณีที่แอมโมเนียสัมผัสผิวหนัง ให้ล้างออกด้วยน้ำสบู่
  • กรณีหายใจเอาก๊าซแอมโมเนียเข้าไป ควรรีบเคลื่อนย้ายจากที่เกิดเหตุ ไปไว้ในที่อากาศถ่ายเท ถ้าผู้ประสบเหตุหายใจอ่อน ให้ใช้ออกซิเจน ช่วยหายใจ นาน 2 นาที แต่ไม่เกิน 15 นาที แต่หากหัวใจหยุดเต้น ให้ปั๊มหัวใจทันที
  • กรณีกลืนกินแอมโมเนีย ให้บ้วนปากด้วยน้ำมาก ๆ และดื่มน้ำ 1 แก้ว และทำให้อาเจียน โดยใช้ยาขับเสมหะ หรือวิธีการล้วงคอ ยกเว้นในรายที่หมดสติ ให้รีบนำส่งแพทย์ทันที
  • หากอยู่ในสถานที่ ที่มีความเสี่ยงต่อการรั่วไหล ของแอมโมเนีย ให้เตรียมอุปกรณ์ และสถานที่ให้พร้อมใช้งานเสมอ

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563 เกิดเหตุ สารเคมี เป็นแอมโมเนียรั่ว ออกจากโรงงานน้ำแข็งยั่งยืน ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ในทางหลวงหมายเลข 2196 ตอน ทุ่งสมอ – แคมป์สน ที่ กม.50+900 ด้านขวาทาง (ห่างจากสามแยกแคมป์สน ประมาณ 1 กม.) ส่งกลิ่นเหม็นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo