Finance

เคาะแล้ว! ครม.ไฟเขียว ‘คนละครึ่ง’ เตรียมเปิดลงทะเบียน 16 ต.ค.นี้

คนละครึ่ง มาแล้ว! “ครม.” ไฟเขียวอัดงบ 5.1 หมื่นล้าน เดินหน้าโครงการคนละครึ่ง – เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการรัฐ 24 ล้านคนเตรียมเฮ! จ่อเปิดลงทะเบียน แจกเงิน 3000 บาท 16 ต.ค.นี้

ทำเนียบรัฐบาล นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (29 ก.ย.) เห็นชอบมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้มีรายได้น้อยและประชาชนทั่วไปรวม 24 ล้านคน วงเงิน 51,000 ล้านบาท ทั้งมาตรการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัดิการแห่งรัฐ และมาตรการคนละครึ่ง

สำหรับโครงการรักษาระดับการบริโภคผ่านการพิจารณาจากศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) มาแล้ว แบ่งเป็น 2 โครงการ ได้แก่

แจกเงิน 3000

1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น อีก 500 บาท ต่อคนต่อเดือน จากปกติที่ได้รับเดือนละ 200 – 300 บาทต่อเดือน จะเพิ่มเป็น 700 – 800 บาทต่อเดือน โดยเพิ่มเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2563 มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้มีรายได้ น้อยที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน รวมใช้วงเงินรวม 2.1 หมื่นล้านบาท

2. โครงการคนละครึ่ง ซึ่งภาครัฐให้สิทธิประโยชน์ด้วยวิธีการร่วมจ่าย (Co-pay) 50% สูงสุดไม่เกิน 100 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ตลอดโครงการ ตั้งแต่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 รวม 3,000 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยในสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป (ไม่รวมล็อตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบและการบริการ)

สำหรับเงื่อนไขให้ผู้ที่ได้รับสิทธิจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันที่ลงทะเบียนและมีบัตรประจำตัวประชาชน มีกลุ่มเป้าหมาย 10 ล้านคน โดยลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมนี้

รวมทั้งร้านค้าที่จะเข้าร่วม ได้แก่ ผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่ใช่นิติบุคคลและไม่ใช่ร้านค้าสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ มีกลุ่มเป้าหมาย 100,000 ร้านค้า ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือแจ้งผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย

โดยหลังการซื้อขายเสร็จร้านค้าจะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ 1 วันหลังชำระเงิน โดยโครงการนี้คล้าย “ชิม ช้อป ใช้” ที่ประชาชนที่เป็นคนซื้อชำระเงินผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง และคนขายรับเงินผ่านแอพพลิเคชั่นถุงเงิน

อนุชา บูรพชัยศรี 2
อนุชา บูรพชัยศรี

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบ
โครงการ คนละครึ่ง โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ไม่รวมสลากกินเเบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และ
บริการต่าง ๆ โดยประชาชนที่ได้รับสิทธิ์ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 10 ล้านคน ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือสูงสุดไม่เกิน
3,000 บาทต่อคนตลอดระยะโครงการฯ

โดยจะใช้งานผ่านแอพลิเคชันเป๋าตังค์ สำหรับประชาชน เเละแอพลิเคชั่นถุงเงิน สำหรับร้านค้า ทั้งนี้ระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
กำหนด 3 เดือน ตั้งแต่ตุลาคม-ธันวาคม 2563 วงเงิน 30,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และสร้างรายได้
ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยอย่างน้อย 1 แสนร้านค้า และเกิดหมุนเวียนในระบบ 60,000 ล้านบาท จะทำให้จีดีพีขยายตัว 0.18%

นอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จากร้านธงฟ้า และร้านค้าที่ร่วมรายการ 500 บาทต่อคนต่อ
เดือน เป็นเวลา 3 เดือน จำนวน 13.9 ล้านคน วงเงินเกือบ 21,000 ล้านบาท

โดยกลุ่มแรก เป็นพวกมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี ที่จากเดิมได้ 300 บาทต่อเดือน ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 800 บาทต่อเดือน

กลุ่มที่สอง มีรายได้ 30,000-100,000 บาทต่อปี จากเดิมได้เดือนละ 200 บาท เพิ่มเป็น 700 บาท ซึ่งเงื่อนไขจะกดเป็นเงินสดไม่ได้
หากใช้ไม่หมดในแต่ละเดือน ก็ไม่สามารถทบในเดือนถัดไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo