Politics

‘นายกฯ’ ลั่น ‘กองทัพเรือ’ ยอมถอยซื้อ ‘เรือดำน้ำ’ ทั้งที่จำเป็น!

“นายกรัฐมนตรี” ชี้ “กองทัพเรือ” ยอมถอยซื้อ “เรือดำน้ำ” ทั้งที่จำเป็นต่อป้องกันผลประโยชน์ในทะเล แนะคนคัดค้านไปเปิดระเบียบ “พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง” ดูบ้าง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า รัฐบาลไม่เคยหยุดคิด ไม่เคยหยุดทำงาน การประชุม ครม.วันนี้มีหลายเรื่องที่เป็นอนาคตของประเทศชาติ หลายอย่างต้องมีการปรับแก้และต้องมีการดำเนินการจัดทำกฎหมาย เราเสนอกฎหมายไปแล้วหลายฉบับที่อยู่ในการพิจารณาของสภาฯ หวังอย่างยิ่งว่ากฎหมายเหล่านั้นจะออกมาในเร็ววัน ซึ่งมีการคัดกรองตรวจสอบแล้ว

นายกรัฐมนตรี

สำหรับ เรื่องของ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 โดยเฉพาะเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ กรุณาดูที่ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 กำหนดไว้ด้วย ทุกงบประมาณของการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จะใช้อะไรได้บ้าง ตนชี้แจงไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของ กมธ.งบฯ ที่จะพิจารณา ต้องดูว่า โครงการไหนจะนำไปใช้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทหารเรือ” ที่ยอมเสียสละมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว ต้องมองตรงนี้ด้วย เหตุผลความจำเป็นก็มีแล้ว ตรงนี้ตนพูดในฐานะที่เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เคยบอกไปแล้ว ต้องพัฒนากองทัพให้สามารถรับภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้ เพราะมีปัญหาพื้นที่ทางทะเลอยู่จำนวนมาก ซึ่งมันต้องมาถึงเราในไม่นานนี้ ถ้าทุกคนติดตามข่าวสารบ้านเมืองต่างประเทศดู รวมถึงปัญหาโควิด-19 ด้วย

“ทหารเรือเขาก็เสียสละ ต้องลองนึกถ้ามันใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้วซื้อมา ผมถามว่า แล้วทหารเรือจะลงไปอยู่ในเรือดำน้ำหรือไม่ จะอยากลงไปอยู่ในเรือดำน้ำมั้ย 21 วัน ก็ไม่มี แสดงว่า เขาก็มีความเสียสละของเขาไม่ใช่หรือ ในการรักษาอาณาเขตน่านน้ำไทย ต้องมองตรงนี้ด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อยากให้ไปมองในประเด็นของภูมิภาคด้วย ความขัดแย้งยังมีอยู่ทางทะเล ไม่ใช่เฉพาะภูมิภาคเรา หลายภูมิภาคในโลกนี้มีทั้งนั้น อย่าคิดว่ามันไม่มี แต่ทำอย่างไรมันจะไม่เกิดขึ้น การใช้กำลังอาวุธจะไม่เกิดขึ้น มันต้องมีมาตรการเพิ่มศักยภาพบางอย่างขึ้นมาให้เกิดความทันสมัย เกิดความร่วมมือมากยิ่งขึ้น เกิดความเกรงใจ มันแค่นั้น ไม่ใช่มีอุปกรณ์ไว้รบราฆ่าฟัน หลายคนบอกว่าจะไปรบกับใคร ขอให้คนพูดไปพิจารณาให้ถี่ถ้วนในการพูดจาอะไรต่างๆ

ทั้งนี้ สิ่งที่ตนกังวลอีกอย่างคือ การพิจารณาต่างๆ ของ กมธ.ในสภา วันนี้การพูดในสภาฯมีการแพร่ออกมาภายนอก ทำให้เกิดความเสียหาย อาจจะไม่ผิดอะไร แต่ต้องคิดว่าสมควรหรือไม่ ฉะนั้น คนที่ฟัง กรุณาฟังแล้วใช้สติในการฟังและเชื่อ ไม่ใช่เชื่อทุกอย่าง รัฐบาลไม่สามารถจะไปโต้ตอบในสิ่งที่เป็นนอกกรอบได้ มันอยู่ที่ กมธ.แต่ละคนต้องมีความรับผิดชอบในการที่จะพูดจาอะไรต่างๆ ออกมา และหลายๆ อย่างมันก็มีการแอบแฝงทั้งสิ้น ที่ออกมาทั้งหมดส่วนใหญ่จะออกมาทางโซเชียล แต่ก่อนเราไม่มีในการที่จะแพร่ออกมาอย่างนี้ แต่นี่พูดปั๊บออกมาเลย ออกสดอะไรอย่างนี้ ซึ่งมันไม่ได้ เป็นหลักจริยธรรม ตนคิดอย่างนั้น ถือเป็นความเห็นส่วนตัวของตนก็แล้วกัน

นายกรัฐมนตรี

ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการชะลอจัดซื้อเรือดำน้ำ ออกไปอีก 1 ปี ว่า กองทัพและ พล.อ.ประยุทธ์ แพ้กระแสสังคม และกลัวว่าจะอยู่ไม่ได้ จึงยอมชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อน แต่การเลื่อนออกไป 1 ปี ไม่ใช่ทางออก เพราะความจริง ต้องยุติโครงการไปเลย ต้องไม่มีการซื้อเรือดำน้ำอีกเพราะขณะนี้ประเทศชาติ มีหนี้สินมหาศาล และรัฐบาลก็ยังจะกู้เงินอีก ภาษีที่เก็บจากพี่น้องประชาชนไม่พอใช้จ่ายจึงต้องกู้มาใช้จ่าย จะเอาไปซื้อของที่ไม่จำเป็นได้อย่างไร

“ประเทศไทยไม่มีเรือดำน้ำมาตั้งนานแล้ว เพิ่งมาซื้อลำแรกในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นมีอะไร ยังอยู่ได้ จึงถือว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะซื้อต่อไป ตราบใดที่หนี้สินของประเทศ ยังไม่หมด ดังนั้น ขอบอกไว้เลยว่า หากมีการนำเรื่องนี้เข้ามาสู่ที่ประชุมสภา อีกก็จะพาพี่น้องประชาชนถล่มอีก” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์

ส่วนกรณีการตั้งงบประมาณ เพื่อต่อสู้คดีเหมืองทองอัครานั้น ทหารไม่มีความรู้ โดยเฉพาะความรู้ด้านกฎหมาย แต่ก็อยากเป็นนายกรัฐมนตรี จึงยึดอำนาจเข้ามา ๆ แล้วก็ไม่รู้ จึงมีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปิดเหมือง ทั้งที่ความจริง เรื่องนี้เมื่อมีชาวบ้านมาร้อง ก็ควรให้อำนาจกรมอุตสาหกรรมพื้นฐาน กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นผู้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร

“เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เคยลั่นวาจาไว้แล้วว่า จะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง ดังนั้น ไม่ว่าจะชนะคดีหรือแพ้คดี ไม่ใช่แพ้คดีแล้วมาปัดความรับผิดชอบ ให้เป็นเรื่องของรัฐบาลประชาชน การนำภาษีของประชาชน 389 ล้านบาทไปว่าจ้างทนาย โดยที่คุณประยุทธ์ ทำอะไรไม่ถูกต้องชอบธรรม ทำอะไรเพราะไม่รู้กฎหมาย แล้วให้พี่น้องประชาชนมารับผิดชอบหรือ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo