ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (9 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวลดลง ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มมากขึ้น ถึงการล็อกดาวน์รอบใหม่ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่สหรัฐ มีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันพุ่งเกิน 60,000 คน ทำให้นักลงทุนมองข้ามข้อมูลเศรษฐกิจ ที่แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ลดลงของจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 25,549.91 จุด ร่วงลง 517.37 จุด หรือ 1.98% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,116.78 จุด ลดลง 53.16 จุด หรือ 1.68% และดัชนีแนสแด็กที่ 10,383.46 จุด ขยับลงมา 109.04 จุด หรือ 1.04%
นักลงทุนพากันวิตกถึงความเป็นไปได้ ที่อาจจะมีการนำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังในช่วง 24 ชั่วโมง นับถึงเมื่อวานนี้ (8 ก.ค.) สหรัฐพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มากถึง 61,848 คน ทำให้มียอดสะสมผู้ติดเชื้อในประเทศ พุ่งขึ้นไปถึง 3,158,932 แล้ว
ตลาดยังกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ จากการที่คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา มีมติ 7 ต่อ 2 เสียง ให้อับการรัฐนิวยอร์ก สามารถเรียกดูข้อมูลทางการเงินของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มาดูได้ แต่ยังไม่อนุญาตให้คณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ทำได้ในแบบเดียวกันนี้
ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตข้อความหลังจากที่ผลการตัดสินออกมา โดยระบุว่า “ศาลในอดีตได้รับการรับถือในวงกว้าง แต่ไม่ใช่สำหรับผม”
นักวิเคราะห์ มองว่า ตลาดค่อนข้างมีความรู้สึกที่เป็นมิตรกับทรัมป์ และนโยบายต่างๆ ของเขา ดังนั้น เมื่อเกิดเรื่องใดๆ ก็ตาม ที่มองว่า ส่งผลด้านลบต่อเขา ก็อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นมาเล็กน้อย
ปัจจัยลบที่เกิดขึ้น ทำให้นักลงทุนมองข้ามสัญญาณเศรษฐกิจด้านบวก ที่จำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานเป็นครั้งแรก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา น้อยกว่าที่คาดการณ์กันไว้ โดยมีผู้มายื่นขอทั้งหมด 1.3 ล้านคน เทียบกับที่คาดไว้ที่ 1.4 ล้านคน และลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ 1.43 ล้านคน
