“Krungthai COMPASS” ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ดิ่งลึกติดลบ 8.8% จับตาหากคลายล็อคดาวน์ทำ “โควิด” ระบาดซ้ำฉุดจีดีพีติดลบ 11.7%
Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 อาจหดตัวราว 8.8% แม้ว่าเศรษฐกิจไตรมาสแรกที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงออกมาขยายตัวติดลบ 1.8% หดตัวน้อยกว่าที่คาดว่าจะติดลบ 3.9% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่มาตรการปิดเมืองของประเทศต่างๆ ที่เริ่มต้นในช่วงมีนาคม
อย่างไรก็ตาม มองว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัวมากที่สุดในช่วงไตรมาส 2 เพราะได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดเมืองของต่างประเทศที่เริ่มต้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ดังนั้นมองว่าไตรมาส 2 ถือเป็นการระบาดของโควิดที่รุนแรงที่สุด รวมถึงมาตรการควบคุมโรคมีความรุนแรงที่สุด ทั้งนี้ ประเมินว่าไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปี 2563 เศรษฐกิจจะทยอยกลับมาฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่คลี่คลายลง จากสมมติฐานนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะกลับมาเติบโตที่ 6.1%
Krungthai COMPASS ประเมินว่า การหดตัวที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาสแรกทำให้คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงดอกเบี้ย ที่ระดับ 0.75% ในการประชุมวันที่ 20 พฤษภาคม แต่คาดว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้นในไตรมาสสอง เนื่องจากเป็นไตรมาสที่เศรษฐกิจโลก รวมทั้งไทยได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโรคของประเทศต่างๆ มากที่สุด
ทั้งนี้ ต้องจับตาคลายล็อคดาวน์ที่อาจนำมาสู่การระบาดซ้ำ ซึ่งหากการแพร่ระบาดเกิดขึ้นทั่วโลกอีกครั้งอาจฉุดให้จีดีพีไทยปี 2563 หดตัวได้มากถึง 11.7%
Krungthai COMPASS มีมุมมองต่อมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของภาครัฐว่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและให้เงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดแต่จะส่งผลต่อบางส่วนของวิกฤตนี้เท่านั้น เพราะโควิดส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศเติบโตต่ำกว่าศักยภาพค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งผลกระทบจากโควิด ทำให้รายได้ลดลง การจ้างงานลดลง จึงส่งผลให้การบริโภคในประเทศหดตัวเพราะกำลังซื้อที่อ่อนแอ ขณะที่มุมการลงทุนภาคเอกชนยังหดตัวสูงขึ้น เพราะอุปสงค์ในและต่างประเทศอ่อนแอ โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองคือการส่งออกปีนี้ที่อาจติดลบ 14.8% เพราะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยอาจจะแย่ลงในไตรมาสที่ 2
- วิกฤติโควิด!! ‘สภาพัฒน์’ หั่นจีดีพีไทยปีนี้ติดลบ 5-6%
- ‘กกร.’ หั่นเป้าจีดีพี! คาดปีนี้มีโอกาสติดลบ 3-5%
- โควิดแรงกว่าต้มยำกุ้ง!! ‘ม.หอการค้า’ หั่นจีดีพีปีนี้ลงเป็นติดลบ 3.4%
