ตลาดหุ้นสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (27 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น กลับมาทรุดตัวลงอีกครั้ง ยุติการพุ่งสูง 3 วันต่อเนื่อง จากการที่นักลงทุนกลับมากังวลอย่างหนัก ถึงความเสียหายของเศรษฐกิจ ที่มีสาเหตุมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังยอดสะสมผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งขึ้นวันเดียวเกือบ 20,000 คน แซงหน้าจีน เป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากสุดในโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 21,818.19 จุด ร่วงลง 733.98 จุด หรือ 3.25% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 2,568.38 จุด ดิ่งลง 61.69 จุด หรือ 2.35% และดัชนีแนสแด็กที่ 7,602.84 จุด ลบ 194.69 จุด หรือ 2.50%
เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น สหรัฐยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 16,857 คน ในเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมง ส่งผลให้มียอดสะสมผู้ติดเชื้อในประเทศที่ 85,762 คน เทียบกับจีน ประเทศแรกของโลกที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสนี้ ที่มียอดสะสมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 81,340 คน และอิตาลี ศูนย์กลางการระบาดในยุโรปที่ 80,589 คน ทำให้สหรัฐ กลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากสุดในโลก
นักวิเคราะห์ชี้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเน้นในเห็นว่า สหรัฐยังไม่หลุดพ้นจากอะไรเลย ไม่ว่าจะในด้านวิกฤติสุขภาพ หรือเศรษฐกิจ และถ้าวิกฤติโรคระบาดนี้ยังไม่ชัดเจนมากกว่านี้ ก็ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดเสถียรภาพในตลาดการเงินแต่อย่างใด
ความกังวลว่าไวรัสโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจโลกตกอยู่ในภาวะถดถอยอย่างหนักนั้น ยังทำให้บรรดาเทรดเดอร์คาดการณ์ว่า ตลาดจะเกิดความผันผวนรุนแรงกว่านี้ และจะตกอยู่ในสภาพดังกล่าวไปจนกว่าจะมีสัญญาณออกมาว่า การระบาดได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดแล้ว และมาตรการปิดเมืองทั่วทั้งประเทศถูกยกเลิกไป
ในวันนี้ หุ้นกลุ่มสายการบินยังโดนเทขายอย่างหนัก โดยที่ราคาหุ้นเดลต้า แอร์ไลนส์ ยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ และอเมริกัน แอร์ไลนส์ ดิ่งลงระหว่าง 6-9% หลังจากที่นายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ออกมาบอกว่า มาตรการที่จัดให้สายการเงินมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์นั้นไม่ใช่การให้ความช่วยเหลือเปล่าๆ และว่า จะต้องมีการชดเชยให้กับบรรดาผู้เสียภาษี
ส่วนราคาหุ้นโบอิง ร่วงลง 11% หลังจากตลอดทั้งสัปดาห์ทะยานขึ้นมาร่วม 90% เพราะนายมนูชิน เปิดเผยว่า ผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์รายใหญ่สุดของสหรัฐรายนี้ ไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมในมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลอเมริกัน
