บรรยากาศในตลาดหุ้นเอเชียตลอดทั้งวันนี้ (13 มี.ค.) ตกอยู่ท่ามกลางความผันผวนอย่างมาก จากการที่นักลงทุนพากันชั่งน้ำหนักระหว่างผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 กับมาตรการอัดฉีด ที่มีเป้าหมายเพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจ
ตลาดหุ้นเอเชียทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก รวมถึง ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ต่างเจอกับการแกว่งตัวครั้งใหญ่ หลังจากที่เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.) ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐ อย่าง ดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 ร่วงลงวันเดียวมากสุดในรอบกว่า 30 ปี
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เหล่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายทั่วโลก ต่างพากันประกาศมาตรการฉุกเฉินออกมา ในความพยายามที่จะเลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะถดถอย
ในวันนี้ สำนักงานกำกับภาคการเงิน ( FCA) ของอังกฤษ ยังสั่งห้ามทำการขายชอร์ต (Short Selling) หรือการเก็งกำไรราคาหุ้น ต่อหุ้นของบริษัทในอิตาลี และสเปนหลายแห่ง หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ของทั้ง 2 ประเทศนี้ทรุดหนัก ซึ่งการขายชอร์ตนั้น หากมีผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ ก็จะยิ่งกดให้ราคาหุ้นตัวนั้นๆ ต่ำลงไปอีก
บริษัทที่มีรายชื่อติดอยู่ีในคำสั่งห้ามของ FCA รวมถึง สโมสรฟุตบอลลาซิโอ และยูเวนตุส นอกเหนือจาก เฟอร์รารี ผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลก
ดัชนีนิกเคอิ ของญี่ปุ่น สามารถแกว่งตัวกลับขึ้นมาได้เล็กน้อย จากที่ดิ่งลงไปมากกว่า 10% ในช่วงเช้า โดยดัชนีนิกเคอิปิดซื้อขายที่ระดับ 17,431.05 จุด ร่วงลง 1,128.58 หรือ 6.08% ส่วนดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง ปิดตลาดร่วงลงมา 1.14% หรือ 276.16 จุด ที่ 24,032.91 จุด และดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีนร่วงลง 1.23%
เจมส์ เต๋า นักวิเคราะห์นักคอมม์เซค บริษัทโบรกเกอร์ ชี้ว่า ตลาดเต็มไปด้วยความรู้สึกกังวล และตื่นตระหนก ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และไม่มีใครรู้ว่าควรจะรับมืออย่างไรดี ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะหนีออกจากตลาด
การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้ ยังเกิดขึ้นหลังจากที่ดัชนีหุ้นสหรัฐ และยุโรปดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ (12 มี.ค.) โดยที่วอลล์สตรีท และดัชนีหุ้นอังกฤษร่วงลงหนักสุดในวันเดียว นับแต่ที่เกิดเหตุการณ์ ซึ่งเรียกว่า “แบล็ค มันเดย์” เมื่อปี 2530 ส่วนเยอรมนี และฝรั่งเศส ร่วงลงมากกว่า 12%
แรงเทขายในตลาดหุ้นโลกตะวันตก ยังเพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุน ด้วยการสั่งห้ามการเดินทางจากยุโรปทุกประเภท เข้ามายังสหรัฐ และยังเกิดขึ้นหลังธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) สร้างความผิดหวังให้ตลาด ไม่ลดดอกเบี้ยลงมา แม้อีซีบีจะให้คำมั่นถึงมาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจรอบใหม่ก็ตาม
