ตลาดหุ้นเอเชีย ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (14 ก.พ.) ไร้ทิศทางชัดเจน ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุน ถึงจำนวนผู้เชื้อไวรัสโควิด-19 ในจีน ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในสัปดาห์นี้ ขณะน้่ำมันยังขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความหวังถึงการลดเพดานผลิตลงมาอีก
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ญี่ปุ่น เคลื่อนไหวล่าสุดมาอยู่ที่ 23,679.23 จุด ลดลง 148.50 จุด หรือ 0.62% ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงที่ 27,822.23 จุด เพิ่มขึ้น 92.23 จุด หรือ 0.33% ดัชนีคอมโพสิตเซี่ยงไฮ้ ของจีนที่ 2,907.81 จุด ขยับขึ้น 1.74 จุด หรือ 0.06% และดัชนีสเตรทไทมส์ ของสิงคโปร์ที่ 3,222.84 จุด บวก 2.75 จุด หรือ 0.09%
ทางด้านดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ของสหรัฐ ปิดซื้อขายเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) ที่ 29,423.31 จุด ลดลง 128.11 จุด หรือ 0.43% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,373.94 จุด ลดลง 5.51 จุด หรือ 0.16% และดัชนีแนสแด็กปิดที่ 9,711.97 จุด ลดลง 13.99 จุด หรือ 0.14%
วันนี้ มณฑลหูเป่ย์ของจีน รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 4,823 คน หลังจากเมื่อวานนี้รายงานไว้ที่เกือบ 15,000 คน จากการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การนับผู้ติดเชื้อใหม่ ซึ่งสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อความรู้สึกนักลงทุน ทั้งยังมีการรายงานถึงผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตเป็นรายแรกในญี่ปุ่นด้วย
นักวิเคราะห์ชี้ว่า สถานการณ์ข้างต้น ทำให้นักลงทุนเลี่ยงที่จะเข้าตลาดเอเชียไประยะหนึ่งอย่างแน่นอน และจะโยกเงินลงทุนเข้าไปตลาดสหรัฐ ที่ทางภูมิศาสตร์แล้วอยู่ห่างไกลจากภูมิภาคเอเชียอย่างมาก
การเคลื่อนไหวข้างต้น ซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการเงินดอลลาร์ ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมากขึ้นนั้นหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์ช่วงเช้านี้ แข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ อย่างยูโร ที่ล่าสุด แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 1.0834 ดอลลาร์ต่อยูโร
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดเอเชียช่วงเช้าวันนี้ ยังขยับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความหวังว่า บรรดาประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันรายวันลงมาอีก จากความต้องการที่ดิ่งลงอย่างหนัก เพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ของสหรัฐ เคลื่อนไหวล่าสุดอยู่ที่ 51.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
