ธุรกิจชุดนักเรียน “ตราสมอ” ถือว่าเป็นแบรนด์ชุดนักเรียนที่เป็นผู้นำตลาดมาอย่างต่อเนื่อง จากตลาดรวมมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท โดยเป็นธุรกิจของครอบครัว “ศิริปทุมมาศ”ที่บุกเบิกโดย “สงวน ศิริปทุมมาศ” โดยเริ่มต้นทำธุรกิจตั้งแต่ปี 2500 และจัดตั้งบริษัท สมอทองการ์เมนท์ จำกัด ขึ้นในปี 2526 โดย “กิตติ ศิริปทุมมาศ” บุตรชายคนโตของครอบครัว
จนกระทั่งได้เกิดเรื่องวุ่นในครอบครัวตราสมอ เมื่อ เฟซบุ๊กเพจ “TraSamor – ชุดนักเรียนตราสมอ” โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กชี้แจงว่า จากการที่ นายณัฐวุฒิ กริตยอานนท์ เปิดคอร์สออนไลน์วีไอพี โดยใช้ชื่อว่า “กอล์ฟ ตราสมอ” แอบอ้างเป็นทายาทตราสมอนั้น
“สงวน ศิริปทุมมาศไม่ได้เป็นทายาทเจ้าของธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอ ตามที่แอบอ้าง และนายณัฐวุฒิไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับบริษัททั้งสิ้น จึงขอให้นายณัฐวุฒิหยุดพฤติกรรมดังกล่าวซึ่งทำให้ผู้อื่นหลงเชื่อและกระทบต่อชื่อสียงของบริษัทโดยทันที บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อธุรกิจใดๆ ที่นายณัฐวุฒิกระทำ”
ล่าสุดนายณัฐวุฒิ กริตยอานนท์ หรือ กอล์ฟ พร้อมด้วยทนาย นางสาววรวรรณ แสงกระจ่าง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงประเด็นถูกกล่าวหาว่าแอบอ้างเป็นทายาทชุดนักเรียนตราสมอ ทั้งที่เป็นลูกหลานตัวจริง
“ตอนเด็ก คุณแม่ เล่าให้ฟังว่า ท่านคือลูกสาวสมอทอง ผมเองรับรู้และเข้าใจมาโดยตลอดว่าธุรกิจชุดนักเรียนตราสมอ คุณตา (คุณสงวน ศิริปทุมมาศ พ่อของแม่ มีศักดิ์เป็นคุณตา) เป็นผู้ก่อตั้ง และพอมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ผมยังมีไปถามแม่เพื่อความมั่นใจอีกรอบ ท่านก็ตอบว่าอากงเป็นผู้ก่อตั้ง”
ทั้งนี้ ในตระกูลมี “สงวน ศิริปทุมมาศ” เป็นพ่อของแม่ ที่มีลูก 8 คน ในจำนวนนี้เป็นลูกสาว 2 คน ซึ่งเป็นพี่คนโต และน้องคนสุดท้องคือแม่ของนายณัฐวุฒิ ส่วนอีก 6 คนเป็นผู้ชาย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจาก ทาง ตราสมอ กล่าวว่า นายกิตติ ซึ่งเป็นพี่ชายคนโต เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ดังนั้น จึงทำให้นายณัฐวุฒิ เป็นเพียงเครือญาติ แต่ไม่ใช่ทายาท เพราะไม่ใช่สายเลือดของนายกิตติ
ในกรณีดังกล่าว นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ทางบริษัท สมอทองการ์เมนท์ ได้ยื่นโนติสว่าตนแอบอ้างตราสมอ ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งขณะนั้น นายณัฐวุฒิไปทำการตลาดให้แบรนด์หนึ่ง และมีการแนะนำตัวสั้นๆ 2 นาที ว่า เป็นใคร จบอะไร พ่อแม่ อากง อาม่าทำอะไร อากง แต่เวลาออนสเตจเวทีใหญ่ๆ บางทีจะมีคลิป โพสต์ลงยูทูป แล้วมีคนไปเขียนว่า เป็นทายาทตราสมอ ซึ่งในความเข้าใจของนายณัฐวุฒิ ข้อมูลนั้นไม่ได้ผิด และไม่ได้แก้อะไร จนกระทั่งมีโนติสมาเตือน แต่นายณัฐวุฒิเพิ่มได้เห็นจากเพจ “TraSamor – ชุดนักเรียนตราสมอ” ว่ามีโนติสตั้งแต่ปี 2559 และไม่ได้มีการโทรมาแต่อย่างใด
“จนกระทั่งปี 2560 – 2561 ไฟไหม้บ้าน ไหม้รถปอร์เช่ สื่อก็เอาไปลงว่ารถปอร์เช่ตระกูลตราสมอไฟไหม้ ซึ่งผมงงมาก เพราะไม่ได้ให้สัมภาษณ์ เพียงแค่เล่าเหตุการณ์ว่า เกิดอะไรขึ้น ถัดจากนั้นอีก 3-4 วัน ก็มีทนายโทรมาว่าทำให้ข่าวกับสื่อแบบนั้น เลยชี้แจงไปว่า ผมไม่เคยพูดกับสื่อเลย แต่เพื่อความสบายใจ เดี๋ยวผมจะถูกเชิญไปออกรายการเล่นใหญ่จัดใหญ่ พิธีกรเป็นพี่บุ๋ม ปนัดดา เดี๋ยวจะชี้แจงว่าผมไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ทนายก็โอเค”
ผ่านมา 2 ปี จนถึงปัจจุบัน ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก เพราะตนไม่ได้ใช้แบรนดิ้งที่เกี่ยวกับตราสมอในการทำการตลาดอยู่แล้ว ที่จนกระทั่ง 3 เดือนที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิเปิดบริษัท และมีทีมทำการตลาดให้ตัวเองจึงเริ่มโปรโมทแบรนด์ มีทีมงานหลายสิบคน ทำให้มีบางคอนเทนต์ ที่ทีมงานหยิบเอาคำว่า “ทายาทตราสมอ” ไปใช้ จึงเกิดประเด็นนี้ขึ้น
“ผมมองว่าถ้าเขาแจ้งผมว่า หลานอย่าใช่คำนี้เลย ผมก็เข้าใจได้ แต่ไม่มีการติดต่อมา มารู้อีกทีคือเกิดเรื่องราวตามสื่อ และที่ผ่านมา ตัวผมเองไม่เคยใช้แบรนด์ตราสมอมาใช้ในการทำธุรกิจ”
นายณัฐวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย ทุกครั้งที่ผมไปออกรายการผมจะพูดประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ ว่าตอนนี้อากงเป็นผู้ก่อตั้ง ตอนนี้เป็นของลูกชายคนโตดูแล คุณแม่ผมแต่งงานออกไปทำธุรกิจส่วนตัว แบบนี้หมด เพราะทุกอย่างคือเรื่องจริงครับ
“ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จริงๆ ก็เสียใจเพราะผมมองว่าเป็นเครือญาติกัน ที่ผ่านมาอาจไม่มีการพูดคุยกัน จึงไม่เข้าใจกัน ผมอยากให้จบเร็วที่สุด ไม่ว่าผมจะถูกหรือผิด ผมก็ขอโทษ ไม่อยากให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจ และอยากให้มีการพูดคุยกัน เพราะแบรนด์ตราสมอก็เป็นแบรนด์ที่ทุกคนในครอบครัวภูมิใจ”
ขณะที่นางสาววรวรรณ แสงกระจ่าง ทนายความ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทปี 2526 คุณตา (สงวน) เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง และเป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุด ที่เหลือเป็นลูกชายอีก 6 คน จึงเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า นายณัฐวุฒิ เป็นญาติจริง จนกระทั่งปี 2542 คุณตาจึงออกจากการเป็นกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้น
สำหรับชุดนักเรียนตราสมอ ดำเนินการโดย บริษัท สมอทองการ์เมนท์ จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2500 หรือเมื่อ 63 ปีก่อน โดยมีผู้ก่อตั้ง คือ นายกิตติ และนางลักษมณ์สุนีย์ ศิริปทุมมาศ เป็นเจ้าของ เดิมมีโรงงานตั้งอยู่ที่ย่านสำเหร่ ก่อนย้ายมาที่บางแค บนพื้นที่ 7 ไร่ พนักงานกว่า 1,300 คน มีสินค้าชุดนักเรียนกว่า 2,000 แบบ ปัจจุบันมีนางอาภาพร ศิริปทุมมาศ ลูกสาว เป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด
