รัฐบาลญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป (อียู) พร้อมใจกันคัดค้านข้อเสนอของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐ เกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์เพิ่มอีก 25% พร้อมยืนยันว่า การนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์จากญี่ปุ่นและยุโรปนั้น ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ
นายคาสุโตชิ ไอกาวะ ที่ปรึกษาทูตญี่ปุ่นประจำสหรัฐ เปิดเผยว่า การนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นไม่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอย่างแน่นอน
หากสหรัฐบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์อัตราใหม่ จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและผู้ผลิตรถยนต์อเมริกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยอ้างอิงข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่า อัตราภาษีรถยนต์ 25% จะทำให้ราคารถยนต์นำเข้าซึ่งเดิมอยู่ที่ 3 หมื่นดอลลาร์ เพิ่มขึ้นเป็น 3.64 หมื่นดอลลาร์ โดยปัจจุบันอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐอยู่ที่ 2.5% และอัตราภาษีนำเข้ารถบรรทุกอยู่ที่ 25%
ทางด้านนายเดวิด โอ ซัลลิแวน ทูตอียูประจำสหรัฐได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อกรณีที่สหรัฐทำการตรวจสอบผลกระทบด้านความมั่นคงของชาติที่เป็นผลมาจากการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ โดยกล่าวว่า เป็นการกระทำที่ขาดความชอบธรรมและพื้นฐานที่ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง ซึ่งจะนำไปสู่การฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศของสหรัฐเอง
“สหภาพยุโรปย้ำจุดยืนอันหนักแน่นในการต่อต้านการเพิ่มมาตรการด้านความมั่นคงแห่งชาติซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องเศรษฐกิจของประเทศ” นายซัลลิแวน ระบุ และว่า ความคิดที่ว่าการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์อาจเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐนั้น เป็นเรื่องไร้สาระ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบการนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรพยนต์ตามมาตรา 232 ซึ่งอาจนำไปสู่การเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่อย่างญี่ปุ่นและเยอรมนี