นักวิเคราะห์ชี้ อิหร่านอาจเลือกใช้วิธีการโจมตีไซเบอร์ ที่มีเป้าหมายสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ตอบโต้การสังหาร “คาเซ็ม โซเลมานี”
ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยออนไลน์ธุรกิจรายหนึ่ง ที่แสดงความเห็นว่า ช่วงที่ผ่านมา ความสามารถในการโจมตีทางไซเบอร์ของอิหร่าน มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งเรื่องที่น่ากังวลมากสุดคือ อิหร่านอาจมุ่งเป้าการโจมตีไซเบอร์ ไปยังโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญ อย่าง ระบบดูแลสุขภาพ และระบบการควบคุมการจราจรทางอากาศ
“อิหร่านสามารถสร้างความวุ่นวายในการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเรา สร้างความปั่นป่วนต่อบริการทางการเงิน การคมนาคม และบริษัทด้านเทคโนโลยีอาจตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี”
รายงานของสถาบันสันติภาพสหรัฐ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ระบุว่า นับแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ความสามารถด้านไซเบอร์ของอิหร่าน เติบโตขึ้นอย่างมาก และสามารถรวบรวมความสามารถ เพื่อสร้างความเสียหายต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐได้
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจากการโจมตีไซเบอร์จากอิหร่าน รวมถึง กรณีของไมโครซอฟท์ ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีสหรัฐ ที่ออกมาระบุเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วว่า กลุ่มแฮคเกอร์ที่เชื่อมโยง กับรัฐบาลอิหร่าน พยายามที่จะโจมตีระบบการหาเสียงประธานาธิบดีสหรัฐ ปี 2563 ของผู้สมัครรายหนึ่ง รวมถึง เจาระบบของเจ้าหน้าที่ และอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกันด้วย
นอกจากนี้ ในปี 2561 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ยังตัดสินโทษชาวอิหร่าน 2 คน ในข้อหาเจาะระบบคอมพิวเตอร์ และปล่อยมัลแวร์ ที่พุ่งเป้าไปยังโรงพยาบาล และส่วนราชการท้องถิ่นทั่วสหรัฐ แต่ไม่ได้กล่าวหาว่า การกระทำของบุคคลทั้ง 2 เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเตหะราน
ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้จากอิหร่าน เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐส่งโดรนเข้าไปปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในบริเวณสนามบินนานาชาติแบกแดด ของอิรัก ส่งผลให้ คาเซ็ม โซเลมานี ผู้บัญชาการหน่วยคุดส์ ของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) และอาบู มาห์ดิ อัล มูฮันดิส รองผู้บัญชาการกองกำลังระดมพลประชาชน (พีเอ็มเอฟ) ในอิรัก ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านถูกสังหาร
ทางด้านอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมนิ ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ประกาศที่จะ “ล้างแค้นอย่างหนัก” ต่อการเสียชีวิตของ โซเลมานี ซึ่งชาวอิหร่านยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของประเทศ ขณะทีมาจิด ทัคท์ ราวันชี ทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่า เป็นการประกาศสงคราม พร้อมย้ำว่า อิหร่านไม่สามารถทำเป็นมองไม่เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ จะต้องเกิดการแก้แค้นอย่างรุนแรงขึ้นแน่นอน
ข่าวการสังหาร โซเลมานี ทำให้เกิดปฏิกิริยาอย่างหลากหลายทั้งเสียใจ โกรธแค้น และการเฉลิมฉลองทั่วทั้งตะวันออกกลาง โดยในอิหร่าน มีผู้คนจำนวนมากแต่งกายในชุดสีดำ รวมตัวกันในกรุงเตหะราน เพื่อรวมสวดมนต์ให้กับเขา ทั้งยังมีการชุมนุมประท้วง แสดงความไม่พอใจต่อสหรัฐ
เช่นเดียวกับในปากีสถาน ที่มีการจับกลุ่มประท้วงแสดงความโกรธแค้นต่อสหรัฐ โดยผู้ชุมนุมบางส่วนถือรูปของ โซเลมานีไว้ และเผาธงชาติสหรัฐ
ชาวอิรักบางส่วนก็ร่วมสวดมนต์ไว้อาลัยต่อนายทหารรายนี้เช่นกัน แต่ที่จัตุรัสตาห์รีร์ กลางกรุงแบกแดด มีชาวอิรักจำนวนหนึ่งรวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองต่อเรื่องนี้ เช่นเดียวกับประชาชนในซีเรีย ที่ออกมาฉลองข่าวนี้
สายการบินระงับเที่ยวบินอิรัก
สถานการณ์ดังกล่าวยังทำให้สายการบินจำนวนหนึ่ง ตัดสินใจระงับเที่ยวบินทั้งขาเข้า และขาออกจากสหรัฐ โดยกัลฟ์ แอร์ สายการบินแห่งชาติบาห์เรน ประกาศระงับเที่ยวบินทั้งขาเข้า และขาออกจากกรุงแบกแดด และเมืองนาจาฟ อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป โดยให้เหตุผลในเรื่องความปลอดภัย และความมั่นคง
ส่วนสายการบินรอยัล จอร์แดเนียน แอร์ไลนส์ ของจอร์แดน ประกาศระงับเที่ยวบินไปกรุงแบกแดดอย่างไม่มีกำหนดเช่นกัน เพราะภาวะไร้เสถึยรภาพที่เกิดขึ้นในกรุงแบกแดด และที่สนามบิน
