อินโดนีเซียยื่นฟ้องสหภาพยุโรป (อียู) ต่อองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ในเรื่องที่อียูมีแผนที่จะสั่งห้ามรถยนต์ ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ ที่มีน้ำมันปาล์มเป็นส่วนผสม
นายอากุส ซูปาร์มันโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าอินโดนีเซีย แถลงว่า อินโดนีเซียได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการไปยังดับเบิลยูทีโอ เพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องของอียู ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกสำหรับการดำเนินคดี
ในคำร้องที่ยื่นไปนั้น อินโดนีเซียได้ระบุถึงเรื่องที่อียูเรียกเก็บภาษีทุ่มตลาด ต่อน้ำมันไบโอดีเซล ที่ได้รับการอุดหนุนจากอินโดนีเซีย การเคลื่อนไหวที่อินโดนีเซียชี้ว่า เป็นนโยบายกีดกันต่อน้ำมันปาล์มส่งออกของประเทศ
ทางด้านนายอิมาน ปัมบักโย อธิบดีกรมเจรจาการค้าต่างประเทศอินโดนีเซีย เผยว่า ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอินโดนีเซียได้พยายามใช้ช่องทางการเจรจาแบบ 2 ฝ่าย เพื่อหาข้อตกลงในเรื่องนี้ แต่ก็ล้มเหลว
การยื่นฟ้องร้องต่อดับเบิลยูทีโอดังกล่าว อาจจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างอินโดนีเซีย ประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่สุดของโลก กับอียู รุนแรงมากขึ้น โดยอียูมีแผนที่จะยกเลิกการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพภายในปี 2573 โดยอ้างถึงความกังวลในเรื่องที่อุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการทำลายป่าแพร่กระจายเป็นวงกว้าง
ก่อนหน้านี้ มาเลเซีย ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลก ก็ได้ขู่ที่ยื่นเรื่องฟ้องอียู ต่อดับเบิลยูทีโอเช่นกัน
อย่างไรก็ดี นางเทเรซา ก็อก รัฐมนตรีรับผิดชอบอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของมาเลเซีย กล่าวว่า เธอมีกำหนดที่จะเดินทางไปยังยุโรป ในเดือนมีนาคมปีหน้า ทำให้จะไม่มีการยื่นเรื่องต่อดับเบิลยูทีโอก่อนหน้านั้นแน่นอน
นางก็อกบอกว่า ในการเดินทางดังกล่าว เธอจะพยายามพูดคุย และชักจูงให้เจ้าหน้าที่ยุโรปเปลี่ยนใจในเรื่องนี้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการฟ้องร้องต่อดับเบิลยูทีโอ
ทั้งนี้ น้ำมันปาล์ม ถือเป็นน้ำมันพืชที่ผู้คนทั่วโลกนิยมใช้กันมากสุด ทั้งยังเป็นส่วนผสมสำคัญต่อการผลิตสินค้าประเภทต่างๆ ในวงกว้าง ไล่ตั้งแต่อาหาร ไปจนถึงเครื่องสำอาง
แต่เหล่านักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม อ้างว่า การทำสวนปาล์ม ทำให้เกิดการตัดไม้ทำลายป่าอย่างหนัก
