Marketing Trends

‘อินเด็กซ์ฯ’ แนะกลยุทธ์อีเว้นท์มาร์เก็ตติ้ง ‘นิช-ยูนีค-ลิมิเต็ด’ สู้ตลาดซึม

อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ ชี้การทำอีเว้นท์มาร์เก็ตติ้งต้อง NICHE, UNIQUE and LIMITED สู้ภาวะตลาดอีเว้นท์หดตัว แต่ อินเด็กซ์ฯ ยังเข้าเป้า 1,800 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าลุยตลาดเอเชีย ตะวันออกกลางต่อเนื่องปีหน้า

นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า ภาพรวมกลุ่มอุตสาหกรรมอีเว้นท์ในประเทศไทย ยังคงทรงตัวหรือติดลบไปจนถึงปลายปี 2563 เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยคาดว่าภาพรวมน่าจะติดลบต่อเนื่องประมาณ 1-2 %

วัดร่องขุ่น

ดังนั้น แนวโน้มของเทรนด์อีเว้นท์มาเก็ตติ้งปี 2563 ที่ยังต้องเผชิญสภาวะเศรษฐกิจที่ลดต่ำลง จะเป็นตัวแปรให้คนจับจ่ายใช้สอยลดลงไปด้วย แต่จะเลือกความคุ้มค่าสูงสุดในการใช้เงิน โดยเฉพาะในการเข้าร่วมอีเว้นท์ใดอีเว้นท์หนึ่ง ดังนั้นธุรกิจอีเว้นท์จึงจำเป็นต้องมี “NUL” นั่นคือ “Niche” กลุ่มตลาดที่เฉพาะและตรงเป้าหมาย ความ “Unique” ที่ไม่เหมือนใคร และ “Limited” คือจำนวนจำกัดและหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจของอินเด็กซ์ฯ ในปี 2563 มีงานสเกลใหญ่จำนวน 4-5 งานหลัก ทำให้มี Backlog อยู่ที่ 500 ล้านบาท โดยคาดการณ์ผลประกอบการจะเติบโตสูงถึง 6-10% หรือราว 1,900 ล้านบาท จากปี 2562 ที่คาดว่าจะปิดรายได้ทั้งปีอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก 1. กลุ่มครีเอทีฟ บิซซิเนส ดีเวลลอปเม้นท์ เติบโต 119% 2. กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส หดตัว 6% และ 3. กลุ่มโอน-โปรเจค เติบโต 65% เมื่อเทียบกับปี 2561

กาต้าร์1

“ธุรกิจอีเว้นท์มีหลายปัจจัยหลักเป็นตัวกำหนด ทั้งเรื่องการเมือง หรือภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการต่างต้องปรับตัว ซึ่งอินเด็กซ์ฯ ได้มีการวางแผน และปรับตัวทั้งในเรื่องของธุรกิจ ให้สอดคล้องกับสภาวะทางเศรษฐกิจ และสถานการณ์ต่างๆ”นายเกรียงไกร กล่าว

สำหรับกลุ่มธุรกิจโอน-โปรเจค (Own-Project) ไลฟสไตล์ เทรดแฟร์ ที่ได้ให้น้ำหนัก และได้วางกลยุทธ์การขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศมานานกว่า 7 ปี ทำให้สัดส่วนในการขยายธุรกิจเพิ่มเป็นเท่าตัว หรือประมาณ 1 ใน 3 ของกลุ่มอีเว้นท์ มาร์เก็ตติ้ง หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากจากการยกโมเดลธุรกิจในประเทศไทยไปใช้ในประเทศเมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา

ความคืบหน้า Expo Dubai

ทั้งนี้ ในปี 2563 อินเด็กซ์ฯ ได้เพิ่มเทรดแฟร์ในกัมพูชาจากเดิมประจำที่ครอบคลุม กลุ่มอุตสาหกรรมทั้งหมด 4 อุตสาหกรรมได้แก่ อุตสาหกรรมก่อสร้างและตกแต่งภายใน อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมค้าปลีก และอุตสากหรรมความงามและสุขภาพ โดยจะแบ่งเป็น 5 งานคือ งานแคมโบเดีย อาคิเทค แอนด์ เดคอว์ 2020, งานแคมโบเดียเฮลท์ แอนด์ บิ้วตี้ 2020 และในประเทศเมียนมา กับงานเมียนมา ฟู้ดเบฟ 2020, งานเมียนมา รีเทล ซอสซิง เอ็กซ์โป 2020 และงานเมียนมา บิวท์ แอนด์ เดคคอว์ 2020

นายเกรียงไกรกล่าวว่า แผนธุรกิจในปี 2563 จะมุ่งโฟกัสธุรกิจไปที่ การขยายฐานในงานประเภท โอน-โปรเจค เพื่อต่อยอดงานทั้งในประเทศ และต่างประเทศอย่างครบวงจร อย่าง กิโลรัน (KILORUN 2020) ที่จัดรวม 4 ที่ ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต กรุงเทพมหานคร โอซาก้า และสิงคโปร์ ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 คาดการณ์จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในกลุ่มโอน-โปรเจค สูงถึง 100% และมุ่งเจาะกลุ่มไปในกลุ่มเอเชีย และตะวันออกกลาง อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด อินเด็กซ์ได้บิดดิ้งงานชนะบริษัทอีเว้นท์ 9 ประเทศทั่วโลก กับงาน “Qatar the Glory Operetta” ที่มีงบลงทุนกว่า 150 ล้านบาท

Avatar photo