ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา “ซานนา มาริน” เป็นที่จับจ้องอย่างมากในฟินแลนด์ และเธอยังได้ชื่อว่าเป็นนักการเมืองดาวรุ่งของประเทศ
วันนี้ ในวัย 34 ปี นอกจากตำแหน่งดาวรุ่งแล้ว มารินยังผงาดขึ้นมาสู่ฐานะ “นายกรัฐมนตรีอายุน้อยสุดในโลก” และอายุน้อยสุดในบ้านเกิด ในช่วงเวลาอันยากลำบาก ที่ฟินแลนด์กำลังเผชิญทั้งการประท้วง และกระแสชาตินิยม
ไม่เพียงแต่เธอจะเป็นผู้นำรัฐบาลอายุน้อยเท่านั้น รัฐมนตรีคลังของเธอ “แคทริ คูลมูนิ” ก็มีอายุแค่เพียง 32 ปีเท่านั้น โดยคูลมูนิ เป็น 1 ใน 4 หัวหน้าพรรคผู้หญิง ที่รวมอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล 5 พรรค ซึ่งทั้ง 4 พรรคนี้ มีเพียงพรรคเดียวเท่านั้น ที่มีหัวหน้าพรรคอายุเกิน 35 ปี
การแต่งตั้งบรรดานักการเมืองอายุน้อยเหล่านี้เข้ามาอยู่ในรัฐบาล เป็นความพยายามที่จะดึงนักการเมืองสายเลือดใหม่เข้าสู่สถาบันการปกครอง หลังจากที่พรรครัฐบาลมีคะแนนนิยมลดลงอย่างมาก ทั้งที่เพิ่งคว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งมาเพียง 6 เดือนเท่านั้น
รัฐบาลใหม่ของฟินแลนด์ จะมีรัฐมนตรีหญิงมากถึง 12 คน และรัฐมนตรีชาย 7 คน ซึ่งถือเป็นการให้สัดส่วนต่อผู้หญิงสูงมาก แม้ฟินแลนด์จะเป็นประเทศแรกในโลก ที่มีผู้หญิงได้เข้าไปนั่งในสภาเมื่อปี 2450 ก็ตาม
ภูมิหลังของมารินไม่ได้หวือหวาอะไรมากนัก โดยพ่อแม่ของเธอแยกทางกันตั้งแต่เธอยังเด็กมาก ซึ่งในช่วงแรกนั้น ผู้เป็นแม่เลี้ยงเธอมาโดยลำพัง และครอบครัวก็มีปัญหาทางการเงิน
ในบล็อกส่วนตัวนั้น มารินได้เล่าเรื่องราวของตัวเองไว้ว่า เธอทำงานในร้านเบเกอรีตั้งแต่อายุ 15 และเริ่มขายนิตยสารเพื่อหาเงินค่าขนม ในขณะเรียนชั้นมัธยมปลาย
เมื่อปี 2558 เธอยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า เธอเคยรู้สึกเหมือน “ไร้ตัวตน” เมื่อครั้งที่แม่เธอเริ่มมีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน เพราะเธอไม่สามารถเล่าเรื่องครอบครัวอย่างเปิดเผยได้ แต่แม่ของเธอก็ให้การสนับสนุนเธอตลอด และเป็นคนที่สร้างความมั่นใจให้เธอว่า เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ
มารินยังเป็นคนแรกในครอบครัวที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปลาย และได้เข้ามหาวิทยาลัย และในวัย 20 ปี มารินเริ่มเข้าสู่แวดวงการเมือง ซึ่ง 2 ปีหลังจากนั้น เธอก็ลงเลือกตั้งสภาท้องถิ่นในเมืองทามเปเร ทางตอนเหนือของกรุงเฮลซิงกิ
แม้การลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรกจะล้มเหลว แต่ภายในเวลาเพียง 5 ปี เธอไม่เพียงแต่ชนะเลือกตั้งท้องถิ่นเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นประธานสภาท้องถิ่นขณะมีอายุเพียง 27 ปีเท่านั้น
มารินมีตำแหน่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในพรรคสังคมประชาธิปไตย (เอสดีพี) ซึ่งเป็นพรรคกลางขวาหลักของประเทศ และได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2558 โดยเธอถูกคนในพรรคมองว่า เป็นคนหัวเอียงซ้าย และเป็นผู้ที่ทุ่มเทให้กับเรื่องสวัสดิการของรัฐ
ในฐานะส.ส. มารินได้รับความสนใจจากอันติ รินเน หัวหน้าพรรคอย่างรวดเร็ว และได้รับเลือกให้เป็นรองหัวหน้าพรรคในเวลาต่อมา
เมื่อปลายปีที่แล้ว รินเนล้มป่วยด้วยโรคปอดบวมในช่วงวันหยุด ก่อนได้รับการวินิจัยว่ามีลิ่มเลือดในหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งหมายความว่าท เขาต้องวางมือจากทุกอย่างในช่วงเวลาที่พรรคของเขากำลังเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้ง
และนี่คือโอกาสของมาริน ที่ในขณะนั้นยังเป็นแค่ส.ส.สมัยแรก ที่จะฉายแสงออกมา
หลังจากที่ปล่อยให้เธอบริหารพรรคอยู่นานหลายเดือน รินเนที่หายจากอาการป่วย ก็กลับมานำพรรคของเขาคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งได้สำเร็จ
ในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น มารินได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีคมนาคม และการสื่อสาร แต่เธอก็นั่งเก้าอี้นี้ได้มานานเท่าใดนัก เมื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดเกิดขึ้น
ความขัดแย้งในเรื่องที่นายกรัฐมนตรีรับมือกับการประท้วงนั้น ทำให้เขาตัดสินใจลาออกหลังจากอยู่ในตำแหน่งได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น และมาริน สามารถเอาชนะคู่แข่ง ได้รับเสียงโหวตจากพรรคให้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของฟินแลนด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (8 ธ.ค.)
ในฐานะผู้นำประเทศคนใหม่ คุณแม่ของลูกสาววัย 22 เดือนรายนี้ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำถามต่างๆ ที่เกี่ยวกับความเหมาะสมของเธอที่จะขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้
“ฉันไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องอายุ หรือเพศของตัวเอง ฉันคิดถึงแต่เหตุผลต่างๆ ที่ฉันเข้ามาอยู่ในแวดวงการเมือง และสิ่งต่างๆ ที่ทำให้เราได้รับความไว้วางใจในการเลือกตั้ง”
อย่างไรก็ดี เส้นทางในตำแหน่งใหม่ของเธอดูท่าจะเริ่มต้นอย่างไม่สวยหรูเท่าใดนัก เพราะเธอจะต้องรับมือกับการประท้วงที่คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้น และสายการผลิตของบริษัทรายใหญ่ๆ จำนวนหนึ่งในฟินแลนด์อาจต้องหยุดชะงักลง
ขณะเดียวกัน คะแนนเสียงของฝ่ายค้านชาตินิยมอย่าง พรรคทรูฟินน์ ก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับเกือบ 25% โดยที่คะแนนนิยมของเอสดีพี และพรรคเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นพรรคพันธมิตรร่วมรัฐบาลรายใหญ่สุด กลับลดลง
ทั้งนี้ มาริน เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของฟินแลนด์ ต่อจากแอนเนลิ ยาตทีนมากิ ที่อยู่ในตำแหน่งนี้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเมื่อปี 2546 และมาริ คิวินนีมิ ที่อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฟินแลนด์นาน 1 ปี