กลุ่มนักวิทยาศาสตร์แคนาดาพัฒนาเซนเซอร์ ที่ช่วยตรวจจับ และแจ้งเตือน เมื่อมีเด็ก หรือสัตว์เลี้ยง ถูกทิ้่งไว้ลำพังภายในรถยนต์
อุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นมานี้ใช้เทคโนโลยีเรดาร์ และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่จะส่งเตือน เมื่อตรวจพบว่ามีเด็ก หรือสัตว์เลี้ยงอยู่แต่เพียงลำพังในรถยนต์ ซึ่งทีมนักพัฒนายืนยันว่า อุปกรณ์นี้ทำงานได้ถูกต้อง 100%
คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอเตอร์ลูในแคนาดา บอกว่า ในการทำงานนั้น จะต้องติดตั้งตัวอุปกรณ์เซนเซอร์ ที่จะตรวจจับอย่างละเอียด ไว้บริเวณเพดานรถยนต์ หรือกระจกมองหลัง ซึ่งสัญญาณเรดาร์จะสะท้อนกลับมายังตัวอุปกรณ์ เมื่อตรวจพบผู้คน หรือสัตว์เลี้ยงภายในรถยนต์ และเอไอจะทำการวิเคราะห์การค้นหา เพื่อตัดสินใจว่า ควรจะส่งสัญญาณเตือนหรือไม่
อุปกรณ์นี้ยังจะป้องกันไม่ให้ประตุรถถูกล็อก และส่งสัญญาณเตือนไปถึงคนขับ และผู้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงด้วย
“เครื่องนี้จะช่วยแก้ปัญหานี้ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานได้สะดวก และอาจกลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรถยนต์ทุกคัน” นายจอร์จ เชคเกอร์ อาจารย์ด้านวิศวกรรมของมหาวิทยาลัยวอเตอร์ลูกล่าว และว่า อุปกรณ์นี้แตกต่างจากกล้องถ่ายรูป มีการรักษาความเป็นส่วนตัว และจะไม่มีจุดบอด เพราะเรดาร์สามารถตรวจจับได้ทุกที่นั่ง เช่น ตรวจดูว่ามีทารกอยู่ในที่นั่งสำหรับเด็กหรือไม่ โดยทางคณะทำงานตั้งใจที่จะทำตลาดอุปกรณ์นี้ภายในสิ้นปี 2563
ทั้งนี้ ข้อมูลจากคิดส์ แอนด์ คาร์ ซึ่งเป็นองค์กรด้านความปลอดภัย แสดงให้เห็นว่า ในสหรัฐนั้น แต่ละปีมีเด็กเสียชีวิต เพราะถูกทิ้งไว้ในรถยนต์โดยเฉลี่ย 37 ราย และในปีนี้ มีจำนวนเด็กเสียชีวิตเพราะสาเหตุนี้แล้ว 52 ราย
สาเหตุที่เด็กเสียชีวิตเพราะถูกทิ้งในรถยนต์มีทั้ง ลืม เด็กเกิดล็อกตัวเองไว้ในรถ หรือกระโปรงรถโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือผู้ปกครองตั้งใจทิ้งไว้
ในจำนวนเด็กที่เสียชีวิตเพราะความร้อนภายในรถยนต์นั้น ราว 87% เป็นเด็กที่อายุไม่เกิน 3 ปี และราว 55% มีอายุประมาณ 1 ปีหรือน้อยกว่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเด็กทารกที่ถูกลืมนั้น เพราะนั่งอยู่บนที่นั่งสำหรับเด็ก ที่หันหน้าไปทางด้านหลังรถ ทำให้ไม่อยู่ในสายตาของคนขับ และเด็กยังสื่อสารได้ไม่ดี
ปัจจุบันในบางรัฐของสหรัฐ มีการออกกฎหมายที่เรียกกันว่า “กฎหมายพลเมืองดี” ที่จะช่วยปกป้องพลเรือน กรณีที่พวกเขาทุบกระจกรถเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ถูกทิ้งไว้ และในบางรัฐ กฎหมายทำนองนี้ครอบคลุมถึงส้ตว์เลี้ยงด้วย
