World News

จีนได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐพุ่งทำสถิติใหม่

จีนได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐในเดือนมิถุนายน พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ สถานการณ์ที่มีแนวโน้มจะเพิ่มความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่สุดของโลก

จีนได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐพุ่งทำสถิติใหม่

ข้อมูลจากรัฐบาลปักกิ่ง แสดงให้เห็นว่า ในเดือนที่แล้วจีนได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐที่ 28,970 ล้านดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ยอดส่งออกไปยังสหรัฐพุ่งทำสถิติใหม่ที่ 42,620 ล้านดอลลาร์

ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 ยอดการได้เปรียบดุลการค้าของจีนต่อสหรัฐ ปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 133,800 ล้านดอลลาร์ จากการที่การค้าระหว่าง 2 ฝ่ายยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการเผชิญหน้ากันในด้านนี้ก็ตาม

การขาดความสมดุลทางการค้าดังกล่าว เป็นสาเหตุหลักที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ไม่พอใจ โดยเขาชี้ว่า การปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมของกรุงปักกิ่ง สร้างความเสียหายให้กับบริษัทอเมริกัน และทำลายตำแหน่งงานในแดนอินทรี

trump
โดนัลด์ ทรัมป์

อย่างไรก็ดี แถลงการณ์จากกระทรวงพาณิชย์จีน ที่ออกมาเมื่อวานนี้ (12 ก.ค.) ได้กล่าวโทษปัญหาต่างๆ ดังกล่าวว่า เกิดจากสหรัฐเอง โดยชี้ว่า สหรัฐประเมินการขาดความสมดุลทางการค้าสูงเกินไป และปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากโครงสร้างภายในประเทศของสหรัฐเอง

ตัวเลขได้เปรียบดุลการค้าล่าสุดนี้ ยังเกิดขึ้นหลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 ก.ค.) ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเผยแผนจัดเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนรวมมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ การเคลื่อนไหวที่ทำให้แดนมังกรกล่าวหาสหรัฐว่า เป็นผู้เปิดฉาก “สงครามการค้าขนาดใหญ่สุด” ในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ พร้อมดำเนินการเปรียบเทียบภาษีสหรัฐแบบดอลลาร์ต่อดอลลาร์

“ความขัดแย้งทางการค้านี้ จะส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอย่างแน่นอน และจะส่งผลกระทบด้านลบอย่างมากต่อการค้าโลกด้วย” นายฮวง ซ่งปิง โฆษกสำนักงานศุลกากรจีน ระบุ

ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์จีน ก็ได้ระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ได้หารือถึงการฟื้นเจรจาเรื่องการค้าแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่า จะตอบโต้คำขู่ของสหรัฐ ที่จะเก็บภาษีทุ่มตลาด 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติมอีก 200,000 ล้านดอลลาร์

เตือนเศรษฐกิจจีนโตช้าลง

ทางด้านนักวิเคราะห์ชี้ว่า ความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 ยักษ์มหาอำนาจของโลก ไม่มีแนวโน้มที่จะลดความร้อนแรงลง พร้อมเตือนว่า ในเร็วๆ นี้ ผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว จะเริ่มส่งผล ทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตช้าลง

“หากมองไปในอนาคต การขยายตัวด้านการส่งออกจะชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อการเก็บภาษีของสหรัฐ เริ่มเข้ามาเป็นปัจจัยเสริมจากความต้องการโลกที่ลดลงเป็นวงกว้าง” นายจูเลียน อีวานส์ พริทชาร์ด นักวิเคราะห์จากแคปิตัล อิโคโนมิกส์ กล่าว

จีนได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐพุ่งทำสถิติใหม่

ส่วนนายติง ลู่ นักเศรษฐศาสตร์จีน จากโนมูระ มองว่า รัฐบาลจีนจะเริ่มถอนตัวจากการทำสงครามหนี้ และเปิดเผยมาตรการที่ผ่อนคลายลงในหลายด้าน ในช่วงเวลาที่กำลังเผชิญกับความเป็นไปได้ที่จะได้ร้ับผลกระทบจากสงครามการค้า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจท้องถิ่น ที่แสดงให้เห็นว่า ย่ำแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้

“เราคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ จะชะลอตัวลงอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปี”

ทั้งนี้ จีนมียอดการส่งออกโดยรวมในเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 11.3% ต่อปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 9.5% ขณะที่การนำเข้าโดยรวมเพิ่มขึ้น 14.1% ต่ำกว่าที่ประเมินไว้ที่ 21.3%

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight